Advance search

จะกว๊ะ

ป่าชุมชน 

หมู่ที่ 1
บ้านจะกว๊ะ
จะกว๊ะ
รามัน
ยะลา
อบต.จะกว๊ะ โทร. 0-7329-9516
อับดุลเลาะ รือสะ
7 ก.พ. 2023
นิรัชรา ลิลละฮ์กุล
23 มี.ค. 2023
อับดุลเลาะ รือสะ
27 เม.ย. 2023
บ้านจะกว๊ะ
จะกว๊ะ

จากคำบอกเล่าของคนในพื้นที่กล่าวว่า สมัยก่อนพื้นที่แห่งนี้มีการปลูกข่าเป็นจำนวนมาก ซึ่งคำว่า "ข่า" ในภาษามลายูท้องถิ่นเรียกว่า "จะกว๊ะ" บางคำบอกเล่ากล่าวว่าการตั้งชื่อ "จะกว๊ะ" มาจากกลุ่มคนจำนวนหนึ่งได้สะกดตามรอยเท้าของช้างเผือก ซึ่งมาถึงบริเวณแห่งนี้ได้พบรอยเท้าของช้างเผือกได้เหยียบย่ำบนต้นข่า หรือ จะกว๊ะ


ชุมชนชนบท

ป่าชุมชน 

บ้านจะกว๊ะ
หมู่ที่ 1
จะกว๊ะ
รามัน
ยะลา
95140
6.49619945445206
101.541293263435
องค์การบริหารส่วนตำบลจะกว๊ะ

ความเป็นมาประวัติชุมชนของหมู่บ้านแห่งนี้ จากคำบอกเล่าของคนในพื้นที่กล่าวว่า สมัยก่อนพื้นที่แห่งนี้มีการปลูกข่าเป็นจำนวนมาก ซึ่งคำว่าข่า ในภาษามลายูท้องถิ่นเรียกว่า "จะกว๊ะ"

บางคำบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนกล่าวว่า การตั้งชื่อ "จะกว๊ะ" มาจากกลุ่มคนจำนวนหนึ่งได้สะกดตามรอยเท้าของช้างเผือก ซึ่งมาถึงบริเวณแห่งนี้และได้พบรอยเท้าของช้างเผือกได้เหยียบย่ำบนต้นข่า หรือ จะกว๊ะ โดยกลุ่มคนที่สะกดตามรอยเท้าได้พบว่าพื้นที่แห่งนี้มีต้นข่าเป็นจำนวนมากจึงเรียกพื้นที่ แห่งนี้ว่า "จะกว๊ะ"  

บ้านจะกว๊ะยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอรามัน ประมาณ 19 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 41 กิโลเมตร การเดินทางมายังชุมชนบ้านจะกว๊ะสามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถโดยสารสองแถว

อาณาเขตติดต่อ

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านกาเยาะห์มาตี หมู่ที่ 2 ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านตะโล๊ะหะลอ หมู่ที่ 1 ตำบลตะโล๊ะหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านบือเล็ง หมู่ที่ 8 ตำบลสุวา อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านปุลาสือนอ หมู่ที่ 3 ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา      

สภาพพื้นที่กายภาพ

สภาพทั่วไปของบ้านจะกว๊ะมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มและภูเขาสลับซับซ้อน โดยพื้นที่ของหมู่บ้านแบ่งเป็นพื้นที่สองส่วน บริเวณพื้นที่ส่วนในมีลักษณะป่ายางมีการเพาะปลูก เช่น ต้นยาง ต้นลองกอง ต้นกาแฟและต้นทุเรียน ส่วนพื้นที่ด้านนอกจะมีลักษณะป็นที่ลุ่มในอดีตพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นที่ทำนาของชาวบ้านปัจจุบันไม่มีการทำนาแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสวนที่มีการเพาะปลูกซึ่งอยู่บริเวณพื้นที่ส่วนในของหมู่บ้าน

จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนบ้านจะกว๊ะ จำนวน 318 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 1,439 คน แบ่งประชากรชาย 717 คน หญิง 722 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู คนในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน

มลายู

ผู้คนในชุนชนจะกว๊ะ มีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ

กลุ่มสตรี เป็นกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือสตรีในพื้นที่ให้มีรายได้ช่วงเวลาว่างจากการเลี้ยงลูกโดยมีสถานที่อบรมอาชีพทำขนมพื้นบ้านโดยสินค้าขนมพื้นบ้านจะวางจำหน่ายตามร้านค้าในพื้นที่หรือคนจากนอกพื้นที่มารับขายต่อในพื้นที่อื่น

ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร ปลูกต้นยาง ทุเรียน ลองกอง ทำนา รองลงมาประกอบอาชีพค้าขายและรับราชการ

ความสัมความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกชุมชน สมาชิกชุมชนส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีการช่วยเหลือกันในชุมชน ในกิจกรรมของชุมชน เช่น งานเมาลิด งานมัสยิด งานแต่งงาน เป็นต้น เป็นชุมชนที่มีพื้นที่ว่างจากการปลูกสร้างที่พักอาศัยน้อยมาก เนื่องจากเป็นชุมชนที่มีพื้นที่แคบ จึงอาศัยอยู่เป็นกลุ่มหรือละแวกใกล้เคียงกับที่อยู่อาศัย ทำให้คนในชุมชนสามารถเข้ากันได้ทุกกลุ่ม โดยส่วนใหญ่จะเป็นเครือญาติที่ตามมาอยู่ในชุมชน

ในรอบปีของผู้คนบ้านจะกว๊ะ มีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้

วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม

  • วันรายอแนหรือรายอหก ความหมายรายอแน คือ คำว่า "รายอ" ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า "แน" คือ หก ในทางปฏิบัติเมื่อถึงวันตรุษอีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องจนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอด คนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองวันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน ชุมชนจะกว๊ะจะจัดงานวันรายอที่กุโบร์ใหญ่ของพื้นที่ชุมชนยือนือเร๊ะเพราะในอดีตพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เดียวกัน เมื่อมีคนเสียชีวิตชาวบ้านในพื้นที่จะกว๊ะจะไปฝังที่กุโบร์หรือสุสานยือนือเร๊ะเป็นหลัก
  • กิจกรรม ฟื่นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฎิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือน ซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการจะมีการกินเลี้ยงร่วมรับประทานอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน ชุมชนจะกว๊ะจะจัดกิจกรรมที่มัสยิดโดยมีการผู้รู้ศาสนามาบรรยายและจัดเลี้ยงให้ชาวบ้านในพื้นที่โดยจะจัดเป็นทุกปี
  • เมาลิดินนบี เป็นวันคล้ายวันประสูติของศาสดามูฮัมหมัด (ซล.) ศาสดาแห่งมนุษยชาติ ผู้ศรัทธาในศาสนาอิสลาม จะมีการรำลึกถึงคุณงามความดี หรือประวัติของท่านในอดีตกาล ในบรรยากาศแห่งความรัก และรำลึกถึงท่านอย่างแท้จริง ซึ่งจะจัดในเดือน เราะบีอุลเอาวัล ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ในปฏิทินอิสลาม
  • วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า “วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือ ศีลอดมาตลอด ในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย “ซะกาตฟิตเราะฮ์”วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือ ศีลอดมาตลอด ในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย ซะกาตฟิตเราะฮ์ หรือที่นิยมเรียกว่า วันรายอปอซอ เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือศีลอดมาตลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่ายซะกาตฟิตเราะฮ์
  • เมาลิดนบี เป็นวันคล้ายวันประสูติของศาสดามูฮัมหมัด (ซล.) ศาสดาแห่งมนุษยชาติ ผู้ศรัทธาในศาสนาอิสลาม จะมีการรำลึกถึงคุณงามความดี หรือประวัติของท่านในอดีตกาล ในบรรยากาศแห่งความรัก และรำลึกถึงท่านอย่างแท้จริง ซึ่งจะจัดในเดือน เราะบีอุลเอาวัล ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ในปฏิทินอิสลาม
  • วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า วันรายอปอซอ เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือศีลอดมาตลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย ซะกาตฟิตเราะฮ์
  • วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมีการทำกุรบานหรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
  • การถือศีลอด เป็นหลักปฎิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่างที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด ซึ่งเป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า ละหมาดตะรอเวียะห์
  • การละหมาด เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา
  • การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับ ให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้งชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไร ต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลฮ์อย่างเท่าเทียมกัน การทำฮัจญ์จะจัดขึ้นในเดือน ซุลฮิจญะฮ์ซึ่งเป็นเดือน 12 ของอิสลาม
  • การเข้าสุนัต เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่าเป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บางพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ โดยมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
  • ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมไว้ร่อยหรอลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน จึงกลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ

คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน

วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ 

การประกอบอาชีพของประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ได้แก่ สวนยางพารา สวนผลไม้ ค้าขาย บางส่วนรับราชการ เป็นต้น 

1. นางรอดียะ มะนังซายอ  ผู้เชี่ยวชาญในช่วยคนทำคลอด เป็นหมอตำแยประจำหมู่บ้านโดยที่ได้รับความรู้สืบทอดจากมารดา มีประสบการณ์ในการช่วยทำคลอดมากกว่า 50 ปี 

ทุนวัฒนธรรม

ปอเนาะฟักรียาตูรอฮนานียะฮ์ เป็นสถาบันศึกษาด้านศาสนาในพื้นที่ให้ความรู้แก่คนในพื้นที่ โดยจะมีนักศึกษาประจำศึกษาอยู่สถาบันแห่งนี้ อีกทั้งเปิดโอกาสให้ผู้สนใจทั่วไปเข้ามาศึกษาหาความรู้ในสถาบันแห่งนี้ได้ ด้วยเหตุนี้สถาบันจึงเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของคนในชุมชนสร้างสังคมให้เป็นคนดีเป็นเกราะป้องกันอีกช่องทางหนึ่ง 

ภาษามลายู หรือภาษามาเลย์ เป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ซึ่งใช้ในดินแดนประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน และภาคใต้ของประเทศไทย

ประเทศไทยมีจังหวัดที่มีประชากรพูดภาษามลายู คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและบางอำเภอของจังหวัดสงขลา ประชากรที่นี้ส่วนใหญ่เขียนและบันทึกโดยใช้อักษรยาวี ปัจจุบันคนในชุมชนยังคงรักษาไว้ซึ่งภาษาท้องถิ่นของพื้นที่อย่างเหนียวแน่น


สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชุมชนที่ปรากฏเห็นได้ชัดในด้านสังคมและประชากร มีรายละเอียด ดังนี้

การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือการสร้างบ้านเรือนที่มีความทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับอิทธิพลทางการศึกษาสมัยใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิม

ความท้าทายของชุมชนบ้านจะกว๊ะเผชิญปัญหากับความท้าทายเกี่ยวกับยาเสพติดที่ระบาดในพื้นที่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีองค์กรในพื้นที่รวมตัวกันเข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหาเหล่านี้ ทำให้การระบาดของยาเสพติดมีปัญหาน้อยลง

ในชุมชนมีจุดน่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำจะกว๊ะ

ซูไรดา เจะนิ. (2559). การศึกษาภูมินามของหมู่บ้านในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา. ทุนอุดหนุนจากงบการศึกษาประจำปี 2559. มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา.

กรมการปกครอง. (2565). ระบบสถิติทางการทะเบียน จำนวนประชากร. ออนไลน์. สืบค้น เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/

อบต.จะกว๊ะ โทร. 0-7329-9516