Advance search

-

ชุมชนชาติพันธุ์ชาวไทยวนแห่งบ้านดอนม่วง

หมู่ 10
ดอนม่วง
วังทอง
วังทอง
พิษณุโลก
นายอาทิตย์ อินคำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 บ้านดอนม่วง (อบต.วังทอง) โทรศัพท์: 05 531 1094
ธนพร ศรีสุขใส และบุศรินทร์ เลิศชวลิตสกุล
24 ก.พ. 2025
บุศรินทร์ เลิศชวลิตสกุล
25 มี.ค. 2025
บุศรินทร์ เลิศชวลิตสกุล
10 มี.ค. 2025
บ้านดอนม่วง
-

แต่เดิมคนในหมู่บ้านและที่อาศัยอยู่โดยรอบจะเรียกชื่อหมู่บ้านดอนม่วงว่า “หมู่บ้านทุ่งกะโล้” เนื่องจากพื้นที่ใกล้เคียงหมู่บ้านมีหนองน้ำใหญ่ชื่อ “หนองกะโล้” ชาวบ้านจึงเรียกที่ตั้งหมู่บ้านว่าทุ่งกะโล้ นอกจากนี้ยังมีการเรียกชื่อหมู่บ้านอีกชื่อหนึ่งว่า “บ้านม่วงเฒ่า” เนื่องจากในพื้นที่นี้มีต้นมะม่วงป่าขนาดใหญ่และอายุยืนนานจำนวนมาก ชาวราชบุรีผู้ก่อตั้งบ้านจึงได้นำมาตั้งเป็นชื่อหมู่บ้านที่บุกเบิกใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 ได้มีการเปลี่ยนชื่อจากหมู่บ้านม่วงเฒ่าเป็นหมู่บ้านดอนม่วงเพื่อให้มีความไพเราะเหมาะสมมากขึ้น (บุญตา ดอนทิพย์ไพร, สัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2567)


ชุมชนชาติพันธุ์ชาวไทยวนแห่งบ้านดอนม่วง

ดอนม่วง
หมู่ 10
วังทอง
วังทอง
พิษณุโลก
65130
16.8349462647239
100.370392352342
องค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง

หมู่บ้านดอนม่วงมีความเป็นมาเริ่มต้นจากกลุ่มชาวไทยวนที่โยกย้ายมาจากราชบุรี 2 ตระกูล ได้แก่ ตระกูลดอนทิพย์ไพร และตระกูลเย็นเยือก ผู้บุกเบิก 2 ครอบครัวนี้ ได้แก่ บ้านพ่อคุณสุ่มและแม่คุณกา ดอนทิพย์ไพร อพยพมาจากอำเภอบ้านโป่ง ตำบลหนองปลาหมอ จังหวัดราชบุรี และอีกครอบครัวคือบ้านแม่คุณปาน เย็นเยือก อพยพมาจากบ้านหนองหลวง จังหวัดราชบุรี ต่อมาสองครอบครัวนี้มีลูกหลานขยับขยายครอบครัวแตกแขนงออกไปเป็นจำนวนมากขึ้น อีกทั้งยังได้ชักชวนญาติพี่น้องที่ราชบุรีมาอาศัยรวมกันเพิ่มเติม ทำให้มีประชากรมากขึ้น จนกระทั่งรวบรวมประชากรในละแวกพื้นที่บึงราชนกตั้งเป็นหมู่บ้าน หมู่ที่ 6 (ปัจจุบันคือบ้านบึงราชนก) แต่เมื่อประชากรที่อาศัยอยู่รอบหนองกะโล้ขยายจำนวนมากขึ้น และต้องการเข้าถึงสาธารณูปโภคมากขึ้น ผู้นำชุมชนที่เป็นชาวไทยวนจึงได้ขอจัดตั้งหมู่บ้านแยกต่างหากเป็น “บ้านทุ่งกะโล้” ต่อมาในปี 2527 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “บ้านดอนม่วง” หมู่ที่ 10 (บุญตา ดอนทิพย์ไพร, สัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2567) โดยมีผู้ใหญ่บ้านคนแรกเป็นผู้นำชาวไทยวนที่ผลักดันการจัดตั้งหมู่บ้าน คือ นายบุญตา ดอนทิพย์ไพร ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน พ.ศ. 2527 – 2544 ผู้ใหญ่บ้านคนที่ 2 คือ นายเสน่ห์ อินคำ ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน พ.ศ. 2544 – 2545 ผู้ใหญ่บ้านคนที่ 3 คือ นางอุบล ใจโอด ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน พ.ศ. 2545 – 2555 และผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน ซึ่งดำรงตำแหน่งกำนันตำบลวังทองด้วย คือ นายอาทิตย์ อินคำ ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน พ.ศ. 2555 – จนถึงปัจจุบัน (2568) (อาทิตย์ อินคำ, 23 สิงหาคม 2567)

บ้านดอนม่วงตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอวังทอง 7 กิโลเมตร และตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดพิษณุโลกประมาณ 15 กิโลเมตร ในแผนพัฒนาหมู่บ้านปี 2566 ระบุว่าหมู่บ้านมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,686 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่เกษตร 2,400 ไร่ พื้นที่อยู่อาศัย 1,200 ไร่ และพื้นที่สาธารณะ 86 ไร่

มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อ บ้านศรีธนูชิศ หมู่ 15
  • ทิศใต้ ติดต่อ บ้านบึงราชนก หมู่ 6
  • ทิศตะวันออก ติดต่อ หมู่บ้านเขาสมอแคลง หมู่ที่ 8
  • ทิศตะวันตก ติดต่อ หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 4 ของตำบลสมอแข

พื้นที่ส่วนใหญ่ของบ้านดอนม่วงเป็นที่ราบลุ่มเหมาะสำหรับทำการเกษตร มีบึงสำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ทำการเกษตรในหน้าแล้ง มีคลองธรรมชาติและคลองส่งน้ำชลประทานเข้ามาทำให้มีน้ำใช้ด้านการเกษตรมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันพื้นที่เกษตรกรรมลดลง เนื่องจากครัวเรือนที่ประสบปัญหาขาดทุนและการเป็นหนี้สินจากการทำเกษตรกรรมได้ขายที่ดินที่ใช้ทำเกษตรให้กับคนภายนอก เช่น กลุ่มคนชั้นกลางในเมือง กลุ่มธุรกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกลุ่มผู้ประกอบการบ้านจัดสรร ที่ทำให้พื้นที่เกษตรกรรมกลายเป็นบ้านจัดสรรหลายโครงการ และมีคนภายนอกที่ไม่ใช่คนดั้งเดิมเข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชนมากขึ้น  

การเก็บข้อมูล จปฐ. (ความจำเป็นพื้นฐานของหมู่บ้าน) ระบุข้อมูลจำนวนประชากรของบ้านดอนม่วง ประกอบด้วยครัวเรือนจำนวน 95 ครัวเรือน แบ่งเป็นชาย 171 คน และหญิง 173 คน รวม 344 คน ในจำนวนนี้มีผู้สูงอายุ 56 คน และคนพิการ 12 คน สำหรับที่มาของประชากร หากย้อนกลับไปช่วงบุกเบิกตั้งบ้านส่วนใหญ่เป็นคนไทยวนที่ย้ายมาจากราชบุรีหลายครอบครัว แต่เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ในปี พ.ศ. 2486 หลายครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างหนักพากันอพยพหนีน้ำท่วมไปอยู่บนเขาสมอแคลงจนกระทั่งตั้งบ้านเรือนถาวรจนถึงปัจจุบัน ทำให้คนไทยวนที่อาศัยอยู่ในบ้านดอนม่วงเหลือไม่กี่ครอบครัว ได้แก่ ครอบครัวตระกูลดอนทิพย์ไพร และครอบครัวตระกูลเยือกเย็น ประชากรนอกเหนือจากนี้เป็นคนไทยดั้งเดิมในพิษณุโลกและที่ย้ายมาจากจังหวัดใกล้เคียงเพื่อหาที่ดินทำกิน แต่ในปัจจุบันหลังจากจังหวัดพิษณุโลกเติบโตและมีการขยายการพัฒนาสาธารณูปโภคในพื้นที่ ทำให้มีการอพยพโยกย้ายของคนต่างถิ่นต่างภูมิภาคและต่างวัฒนธรรมเข้ามาอาศัยอยู่มากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่มีการสร้างบ้านจัดสรรขึ้น ทำให้มีประชากรวัยทำงานและส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีวิถีชีวิตแบบใหม่เข้ามาเป็นสมาชิกของหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ

ไทยวน

ข้อมูลจากแผนพัฒนาหมู่บ้านดอนม่วงปี 2566 ระบุว่าหมู่บ้านดอนม่วงมีองค์กรชุมชนหลายระดับและหลายรูปแบบ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับใหญ่ๆ ได้แก่

ระดับที่ 1 องค์กรชุมชนเพื่อการบริหารงานหมู่บ้าน ในหมู่บ้านดอนม่วงประกอบด้วย คณะกรรมการหมู่บ้าน มีผู้ใหญ่บ้านเป็นประธานคณะกรรมการ มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นรองประธานและเหรัญญิก และมีตัวแทนสมาชิกหมู่บ้านเป็นกรรมการที่คอยขับเคลื่อนงานด้านต่างๆ ของหมู่บ้าน ได้แก่ ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายพัฒนา ฝ่ายรักษาความสงบ ฝ่ายศึกษาวัฒนธรรม รวมถึงการแต่งตั้ง สมาชิก อบต. ให้เป็นกรรมการหมู่บ้าน เนื่องจากเป็นตัวแทนของหมู่บ้านในการผลักดันความต้องการของชาวบ้านสู่แผนพัฒนาของสภา อบต.  

นอกจากนี้ ยังได้มีการแบ่งการบริหารจัดการคุ้มหมู่บ้าน แบ่งออกเป็น 6 คุ้ม โดยมีคณะกรรมการประจำคุ้ม คุ้มละ 5 คน เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านในการดูแลทุกข์สุขและการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันของสมาชิกในคุ้มนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ในคุ้ม ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้บ้านของแต่ละคน (อาทิตย์ อินคำ, สัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2567)

ระดับที่ 2 คือ องค์กรชุมชนที่จัดตั้งตามนโยบายภาครัฐ ได้แก่ คณะกรรมการพัฒนาสตรี (กพสม.) ประกอบด้วยกรรมการซึ่งเป็นสมาชิกของชุมชน 9 คน ทำหน้าที่ ปัจจุบันมีจำนวนสตรีอาสาพัฒนาชุมชน จำนวน 76 คน และคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน ประกอบด้วยกรรมการ 9 คน สมาชิกกองทุน 121 คน และมีสมาชิกกู้เงินเพื่อประกอบอาชีพเกษตรกร จำนวน 69 ราย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ดูแลเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยของสมาชิกชุมชน และกลุ่มอาสาพัฒนาชุมชน (อช.) ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนงานโครงการหรือกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้าน และเป็นผู้ประสานงานระหว่างองค์กรประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ และเอกชน รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามเวทีประชาคม คณะกรรมการหมู่บ้าน องค์การบริหารส่วนตำบลหรือเทศบาลหรือทางราชการมอบหมาย

ระดับที่ 3 คือ องค์กรชุมชนตามวัตถุประสงค์การพัฒนาด้านต่างๆ ได้แก่ กลุ่มอาชีพต่างๆ ที่ตั้งขึ้นตามความสนใจและความต้องการของสมาชิกหมู่บ้าน ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มแม่บ้าน มีสมาชิก 76 คน มีเงินทุนหมุนเวียน 640,000 บาท กลุ่มเกษตรกร มีสมาชิก 35 คน มีเงินทุนหมุนเวียน 220,000 บาท และกลุ่มพันธุ์ข้าวชุมชน มีสมาชิก 37 คน และมีเงินทุนหมุนเวียน 270,000 บาท

ประชากรส่วนใหญ่ในหมู่บ้านดอนม่วงประกอบอาชีพเกษตรกรรม จำนวน 85 ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของครัวเรือนทั้งหมด (95 ครัวเรือน) การประกอบอาชีพเกษตรในที่นี้หมายรวมถึงการทำนา ทำสวน และเลี้ยงสัตว์ ทั้งโค กระบือ สุกร เป็ด ไก่ และปลา อย่างไรก็ตาม รายได้จากภาคเกษตรเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพทุกคนในครัวเรือน ทำให้ 85 ครัวเรือนที่ทำอาชีพเกษตรต้องหารายได้จากการประกอบอาชีพอื่นๆ ด้วย ซึ่งอาชีพที่รองลงมาจากอาชีพเกษตร คือ การรับจ้าง และค้าขาย รวมถึงการเป็นพนักงานในโรงงาน ห้างร้าน และบริษัททั้งในตัวเมืองพิษณุโลก และในเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้อีก 10 ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของครัวเรือนทั้งหมด เลือกประกอบอาชีพรับจ้าง ค้าขาย และทำธุรกิจส่วนตัวเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีรายได้จากการทำเกษตร ครัวเรือนเหล่านี้จัดเป็นครัวเรือนที่ไม่มีที่ดินทำกิน เนื่องจากเหตุผล 2 ประการ คือ เป็นครัวเรือนที่เพิ่งอพยพโยกย้ายเข้ามาตั้งบ้านในชุมชน ทำให้ไม่มีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรที่ดินเหมือนกลุ่มคนที่อพยพมาก่อน และเหตุผลประการต่อมาคือการขายที่ดินทำกินที่มีอยู่ทั้งหมด ทำให้ครัวเรือนกลุ่มนี้ต้องปรับตัวและดิ้นรนสู่วิถีการยังชีพแบบใหม่ (อาทิตย์ อินคำ, สัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2567)  

สำหรับวิถีทางประเพณีและวัฒนธรรมที่ปรากฎในบ้านดอนม่วงจะมีลักษณะตามแบบชุมชนไทยภาคเหนือตอนล่างที่ได้รับอิทธิพลการเผยแพร่ส่งต่อจากชุมชนไทยภาคกลาง แม้เป็นชุมชนที่มีชาวไทยวนเป็นผู้บุกเบิกตั้งบ้านและอยู่อาศัยขยายครอบครัวจนกระทั่งกลายเป็นหมู่บ้านอย่างเป็นทางการ แต่จากการสำรวจและสอบถามคนในชุมชน แทบไม่ปรากฎประเพณีหรือพิธีกรรมที่มีลักษณะเป็นของชาวไทยวน ประเพณีของชุมชนบ้านดอนม่วงในหนึ่งรอบปี ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งปีจะเป็นประเพณีตามเทศกาลหลักและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของไทย เช่นในเดือนมกราคม ชุมชนจะร่วมกันจัดงานฉลองปีใหม่และงานวันเด็ก เดือนเมษายนมีงานฉลองสงกรานต์และการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และข้ามไปเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดงานบุญกลางบ้าน ซึ่งถือเป็นงานสำคัญของหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านจะให้ความสำคัญกับงานนี้ เนื่องจากเป็นการทำบุญให้กับเจ้าที่เจ้าทางหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คอยปกปักรักษาคุ้มครองคนในหมู่บ้านให้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข ในช่วงเดือนสิบตามปฏิทินไทยหรือในเดือนกันยายนจะมีการจัดงานบุญวันสารท ซึ่งเป็นการทำบุญให้แก่ผู้ล่วงลับตามความเชื่อดั้งเดิมของชุมชนส่วนใหญ่ในประเทศไทย นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคมและข้ามไปในช่วงสิ้นปี จะเป็นงานประเพณีทางศาสนา ได้แก่ เดือนกรกฎาคมจะมีการจัดงานบุญเข้าพรรษา ซึ่งจะมีการแห่เทียนพรรษาเข้าวัด เดือนตุลาคมมีงานบุญออกพรรษา และการจัดเทศน์มหาชาติ ปิดท้ายด้วยบุญกฐิน ที่ลูกหลานต่างถิ่นต่างแดนจะช่วยกันรวบรวมเงินเพื่อนำมาพัฒนาวัดและชุมชนของตนเอง  (อาทิตย์ อินคำ, สัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2567) 

ตารางงานประเพณีที่จัดในแต่ละเดือนของบ้านดอนม่วง

เดือน

กิจกรรม

มกราคม

งานฉลองปีใหม่ (จับฉลากของขวัญ), งานวันเด็ก 

เมษายน

งานสงกรานต์, รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่

พฤษภาคม

บุญกลางบ้าน

กรกฎาคม

บุญเข้าพรรษา มีการแห่เทียนพรรษาเข้าวัด 

กันยายน

บุญวันสารท (ทำบุญให้ผู้ล่วงลับ)

ตุลาคม

บุญวันออกพรรษา เทศน์มหาชาติ

พฤศจิกายน

บุญกฐิน

จากแผนพัฒนาหมู่บ้านดอนม่วงปี 2566 ระบุข้อมูลที่ได้จากการสำรวจและรวบรวมรายชื่อปราชญ์ชาวบ้านและผู้มีความรู้/ภูมิปัญญาท้องถิ่นในชุมชน จำนวน 5 คน ดังนี้

  1. พ่อบุญตา ดอนทิพย์ไพร มีความสามารถพิเศษด้านสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคภัยต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต และสมุนไพรที่ใช้บำรุงร่างกาย เป็นต้น พ่อบุญตาได้เรียนรู้และรับเอาความรู้นี้มาจากหมอสมุนไพรในอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เมื่อครั้งที่ตนเองป่วยเป็นอัมพฤกษ์แล้วได้กินยาต้มสมุนไพรของหมอสมุนไพรคนนี้แล้วหายจากโรค ทำให้ตนเห็นความสำคัญของการรักษาสืบทอดสูตรยาต้มสมุนไพรไว้ จึงได้ยกครูขอเป็นลูกศิษย์กับหมอสมุนไพร เมื่อได้สูตร ส่วนประกอบ และวิธีการทำครบถ้วนแล้ว พ่อบุญตาจึงได้นำความรู้ที่ได้มารักษาคนในชุมชนต่อไป
  2. นายสุรินทร์ ศิริอ่อน และนางอุบล ใจโอด มีความรู้และประสบการณ์การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ กระทั่งสามารถเผยแพร่ความรู้ เทคนิค วิธีการ ให้แก่บุคคลทั้งภายในและภายนอกชุมชนที่เข้ามาศึกษาดูงานทั่วทั้งจังหวัดพิษณุโลก ส่งผลให้หมู่บ้านดอนม่วงเป็นหมู่บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงของจังหวัดพิษณุโลกในปี 2549 ได้รับรางวัลผู้ใหญ่บ้านยอดเยี่ยมเมื่อปี 2547 และนางอุบล ใจโอด ได้รับคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่นสาขาบัญชีฟาร์ม เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในวันพืชมงคล ณ พลับพลาที่ประทับมณฑลพิธีสนามหลวง 13 พฤษภาคม 2554 และได้รับรางวัลแทนคุณแผ่นดินประจำปี 2554 ที่เครือเนชั่นกรุ๊ปจัดขึ้นเชิดชูบุคคลที่ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม 76 จังหวัดทั่วประเทศ (พิษณุโลกฮอตนิวส์, 2554)
  3. นายเมธี ลาสูง มีความสามารถพิเศษด้านกล้าโยนในนาข้าว โดยได้เรียนรู้ด้วยตนเองและมีการศึกษาเพิ่มเติมจากศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากชุมชน
  4. นายอารมณ์ ใจโอด มีความสามารถพิเศษด้านพิธีกรรมทางพุทธศาสนา โดยจะเป็นผู้นำและผู้จัดเตรียมและดำเนินพิธีกรรมร่วมกับพระสงฆ์ในวัดศรีโสภณซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านในเวลาที่ต้องจัดพิธีกรรมทางศาสนา
  1. หมู่บ้านดอนม่วงมีการส่งเสริมให้ประชาชนปลูกผักปลอดสารพิษเพื่อลดรายจ่ายของครัวเรือน ส่วนในด้านการผลิต เพื่อทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น หมู่บ้านส่งเสริมให้ชุมชนปรับปรุงหน้าดินด้วยปุ๋ยชีวภาพและปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและความเสี่ยงที่มีต่อสุขภาพผู้ผลิตและผู้บริโภค
  2. ชุมชนมีเกษตรกรที่ใช้การเกษตรแนวใหม่ ได้แก่นายสุรินทร์ ศิริอ่อน และนางอุบล ใจโอด ที่ได้นำเทคนิค วิธีการ ให้แก่บุคคลทั้งภายในในการดำเนินการ อีกทั้งหมู่บ้านยังเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนนอกนอกชุมชน ส่งผลให้หมู่บ้านดอนม่วงเป็นหมู่บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงของจังหวัดพิษณุโลกในปี 2549
  3. หมู่บ้านมีการจัดตั้งศูนย์ป้องกันยาเสพติดและได้รับกองทุนแม่ของแผ่นดิน ซึ่งทรงริเริ่มโดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในปีพ.ศ. 2546 โดยมอบทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของประชาชนที่อาสาร่วมป้องกันยาเสพติดของหมู่บ้านชุมชน ผ่านสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จนต่อมาป.ป.ส. จึงได้จัดสรรงบประมาณสมทบและตั้งเป็น “กองทุนแม่ของแผ่นดิน” (กองทุนแม่ของแผ่นดิน, ม.ป.ป.)

ชุมชนบ้านดอนเมืองได้ทำกิจกรรมจากกองทุนแม่ของแผ่นดินเพื่อป้องกันยาเสพติดที่ระบุในเว็บไซต์ “บ้านดอนม่วง หมู่ที่ 10 ตำบลวังทอง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก” โดยมีรายละเอียดดังนี้

จัดตั้งศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ประจำหมู่บ้าน 1 แห่ง

- ประชุมประจำเดือนชี้แจงปัญหายาเสพติดทุกเดือน

- จัดเวรยามเฝ้าระวังทุกเดือน

- จัดตั้งคณะกรรมการกองทุนแม่ของแผ่นดินเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในหมู่บ้านโดยเลือกสมาชิก 1 คนต่อ 4 ครัวเรือน

- จัดตั้งประชาคมคัดกรองผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 2 เดือนต่อครั้ง

- ดำเนินการรับสมัครสมาชิกกองทุนแม่ของแผ่นปีละ 1 ครั้ง

- จัดกิจกรรมวันพ่อแห่งชาติและวันแม่แห่งชาติเพื่อแสดงความจงรักภักดีประจำทุกปี

- จัดกิจกรรมหาทุนเข้าสมทบกองทุนแม่ของแผ่นดิน ปีละ 1 ครั้ง

ภาษาที่ใช้กันในหมู่บ้านดอนม่วงคือภาษาไทยภาคกลาง โดยส่วนหนึ่งมีสำเนียงแปร่งไปทางภาษาเหนือ และอีกส่วนหนึ่งมีสำเนียงแปร่งไปทางภาษาอีสาน  


เนื่องจากหมู่บ้านเป็นทางผ่านในการสัญจรไปมาระหว่างหมู่บ้านอื่นๆ ทำให้ยากต่อการควบคุมดูแลการเข้ามาของยาเสพติด


ด้านการผลิตในภาคเกษตร เนื่องด้วยราคาปัจจัยการผลิตที่มีราคาขึ้นลงไม่แน่นอน โดยเฉพาะราคาปุ๋ยและยา ทำให้การลงทุนการผลิตคาดการณ์ยาก และอาจขาดทุนในบางปี ตลอดจนปัญหาดินที่เสื่อมสภาพและขาดความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากการผลิตมีความต่อเนื่องและขาดการพักหน้าดินเพื่อให้ดินฟื้นฟูสภาพ


การคมนาคมไม่สะดวก เนื่องด้วยถนนที่ผ่านการใช้งานจนทรุดโทรมและไม่ได้ปรับปรุง และเป็นหมู่บ้านที่มีเส้นทางสัญจรไปมาหรือเชื่อมต่อไปยังหมู่บ้านอื่น จึงทำให้เกิดการใช้ถนนมากเป็นพิเศษ ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของถนนอย่างรวดเร็ว ชุมชนต้องการพัฒนาถนนบางจุดเพื่อสร้างการสัญจรและคมนาคมที่สะดวกขึ้น

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ผู้ใหญ่บ้านดอนม่วง. (2566). แผนพัฒนาหมู่บ้านดอนม่วง หมู่ที่ 10 ต.วังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก. พิษณุโลก: คณะกรรมการหมู่บ้านดอนม่วง.  

กองทุนแม่ของแผ่นดิน. (ม.ป.ป.). ประวัติความเป็นมากองทุนแม่ของแผ่นดิน (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2546). เข้าถึงข้อมูลจาก https://www.kongtunmae-oncb.go.th/detail_57/detail_1.php

พิษณุโลกฮอตนิวส์. (2554, 16 พฤศจิกายน). อยู่แบบพอเพียง”อุบล ใจโอด. สืบค้น 30 สิงหาคม 2567, เข้าถึงข้อมูลจาก https://www.phitsanulokhotnews.com/2011/11/16/7120

เว็บไซต์ “บ้านดอนม่วง หมู่ที่ 10 ตำบลวังทอง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก”. (ม.ป.ป.). เข้าถึงข้อมูลจาก https://donmaung10.wordpress.com/

สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์พิษณุโลก. (2554, 16 ธันวาคม). อตส.ลงพื้นที่เยี่ยมเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติสาขาบัญชีฟาร์ม ประจำปี 2554 ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก. เข้าถึงข้อมูลจาก https://phitsanulok.cad.go.th/ewt_news.php?nid=20&filename=index

อาทิตย์ อินคำ, สัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2567

บุญตา ดอนทิพย์ไพร, สัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2567

นายอาทิตย์ อินคำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 บ้านดอนม่วง (อบต.วังทอง) โทรศัพท์: 05 531 1094