
คลองโคน ชุมชนในพื้นที่ที่มีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ มากด้วยทรัพยากรสัตว์น้ำที่หลากหลาย การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรท้องถิ่น ภูมิปัญญาชุมชนชาวประมงพื้นบ้าน และการสร้างอัตลักษณ์ชุมชนจากวัตถุดิบพื้นฐานด้วยการรังสรรค์อย่างมีคุณภาพ จนกลายเป็น "กะปิคลองโคน" ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับ
คลองโคนตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นพื้นที่ชายทะเลบริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำแม่กลอง มีลักษณะเป็นพื้นที่งอกชายฝั่งทะเล ซึ่งเกิดจากการทับถมของดินตะกอนในแผ่นดิน จึงเรียกว่า คลองโคน
คลองโคน ชุมชนในพื้นที่ที่มีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ มากด้วยทรัพยากรสัตว์น้ำที่หลากหลาย การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรท้องถิ่น ภูมิปัญญาชุมชนชาวประมงพื้นบ้าน และการสร้างอัตลักษณ์ชุมชนจากวัตถุดิบพื้นฐานด้วยการรังสรรค์อย่างมีคุณภาพ จนกลายเป็น "กะปิคลองโคน" ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับ
จุดเริ่มต้นของชุมชนตำบลคลองโคน ส่วนหนึ่งให้ข้อมูลว่าผู้คนอพยพหนีสงครามจากอยุธยาเข้ามา และอีกส่วนหนึ่งเป็นชาวจีนล่องเรือเข้ามาทางทะเลในสมัยนั้น ต่อมาจึงมีผู้คนอพยพเข้ามาเพิ่มเติม จนรวมตัวกันเป็นชุมชนขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อตั้งรกรากอยู่บริเวณพื้นที่ริมทะเลอ่าวไทย บนพื้นที่ตำบลคลองโคนปัจจุบัน
บ้านคลองโคนตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นพื้นที่ชายทะเลบริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำแม่กลอง มีลักษณะเป็นพื้นที่งอกชายฝั่งทะเล ซึ่งเกิดจากการทับถมของดินตะกอนในแผ่นดิน ในอดีตพื้นที่คลองโคนเดิมเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยทรัพยากรสัตว์น้ำที่หลากหลาย โดยมีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่นี้นานหลายชั่วอายุคน ซึ่งประชากรในชุมชนคลองโคนเป็นชุมชนประมงพื้นบ้านมาตั้งแต่อดีต มีอาชีพประมงเป็นอาชีพหลักในการประกอบกิจกรรมเลี้ยงชีพ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตามฤดูกาลและช่วงเวลาที่สอดคล้องกับธรรมชาติ เช่น หอยแครง กุ้ง ปลาทะเล โดยเฉพาะเคยตาดำ ซึ่งนำมาทำเป็นกะปิคลองโคนที่มีชื่อเสียง ต่อมาในปลายปี พ.ศ. 2528 ได้มีผู้นำกุ้งกุลาดำเข้าไปทดลองเลี้ยงในพื้นที่ชายฝั่งทะเล ชุมชนคลองโคน แล้วได้ผลดีเป็นอย่างมาก จึงมีคนในพื้นที่และต่างพื้นที่พากันลงทุนบุกเบิกแผ้วถางป่าชายเลน ทำให้มีป่าชายเลนเหลืออยู่เพียงพื้นที่แคบ ๆ ตามแนวชายฝั่ง หลังจากนั้นการเลี้ยง กุ้งกุลาดำก็ต้องยุติลงอย่างสิ้นเชิง ในปี พ.ศ. 2532 เพราะการเลี้ยงกุ้งกุลาดำทำให้น้ำทะเลบริเวณชายฝั่งได้รับเศษอาหารเน่าเสียจากบ่อกุ้งเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำเสียอย่างรุนแรง และน้ำในแม่น้ำลำคลองก็ได้รับผลกระทบ เกิดโรคระบาดกับสัตว์น้ำ เมื่อป่าชายเลนลดน้อยลง สัตว์น้ำจึงลดน้อยลงด้วย ทำให้ระบบนิเวศน์เสียสมดุล ประกอบกับพัฒนาการทางสังคมที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง จึงหันประกอบอาชีพ และย้ายถิ่นไปทำงานในโรงงานตามต่างจังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียง จากปัญหาดังกล่าวในภายหลังชุมชนจึงได้มีการร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน และรักษาความสมดุลของธรรมชาติเพื่อพลิกฟื้นความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรให้กลับมาอีกครั้ง จนชุมชนเป็นที่ยอมรับในฐานะต้นแบบในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชายเลน
บ้านคลองโคลน ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เนื้อที่ตำบลคลองโคน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบชายฝั่งทะเล มีแม่น้ำแม่กลองไหลผ่านพื้นที่ลงสู่อ่าวไทย พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่น้ำเค็ม ติดกับอ่าวไทย มีป่าชายเลนที่สมบูรณ์ ชายทะเลมีต้นไม้ขึ้นหนาทึบ เช่น ต้นแสมดำ ต้นแสมขาว ต้นโกงกาง ต้นลุ่ย ต้นคลัก ต้นปุโรง ต้นตะบูน ต้นตะบัน ต้นลำภู ต้นจาก และอื่น ๆ อีกมากมาย ป่าชายเลนจึงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำทะเลหลากหลายชนิด เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ตัวเคยทะเล เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพืชพรรณธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ในสภาพดินเค็ม เช่น ชะคราม ต้นหนามพุงดอ เป็นต้น
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 2 บ้านคลองโคลน ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 811 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 395 คน ประชากรหญิง 416 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 229 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
จากสภาพพื้นที่ตั้งของตำบล อาชีพหลักของชาวบ้านคลองโคลน ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม คือการประกอบอาชีพทำประมงพื้นบ้านบริเวณชายฝั่ง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอยแครง หอยแมลงภู่ และอาชีพหนึ่งที่มีชื่อของตำบลคือ อาชีพการทำกะปิคลองโคน นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบอาชีพการเย็บจากอยู่บ้าง และจากการทำอาชีพประมงพื้นบ้าน ชาวบ้านจึงมีอาชีพการแปรรูปอาหารทะเลควบคู่ไปด้วย คือ การทำกุ้งแห้ง ปลาเค็ม มีทำน้ำตาลมะพร้าว เป็นต้น
วิถีชีวิตของชาวบ้านคลองโคลน ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม จะสัมพันธ์และสอดคล้องกลับอาชีพเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มชาวบ้านที่ประกอบอาชีพด้านการทำประมงก็จะต้องลงเรือหาปลาตามช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลงและฤดูกาล และการแปรรูปอาหารทะเลเพื่อจัดจำหน่าย โดยสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อวิถีชีวิตของชาวประมงในพื้นที่คือการไหลของน้ำทะเล น้ำขึ้น น้ำลง
น้ำขึ้น เกิดจากน้ำทะเลหนุนบริเวณปากอ่าวเข้ามาสู่ลำคลองแพรก ชาวบ้านเรียกว่า หัวน้ำ น้ำจะขึ้นสูงเต็มที่ช่วงข้างขึ้น ข้างแรม นับตั้งแต่ขึ้นและแรม 15 ค่ำ ถึง 7 ค่ำ ชาวบ้านเรียกว่า "น้ำเกิด" จะเกิดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ พายุหรือลม ทางเดินของน้ำจะกลับทิศทางทุก 6 ชั่วโมง ก็ขึ้นอยู่กับลมและพายุเช่นกัน อาชีพที่จะทำกันตอนน้ำเกิด เช่น งมหอยแครง รอเคยทำกะปิ และอาชีพประมงทุกชนิด
น้ำลง เกิดจากน้ำทะเลหนุนบริเวณปากอ่าวหนุนน้อยมาก นับตั้งแต่ช่วงข้างขึ้นและข้างแรม 7 ค่ำ ถึง 13 ค่ำ ชาวบ้านเรียกว่า "น้ำตาย" หรือน้ำเท้อ/น้ำทาม เป็นอาการของน้ำที่ขึ้นลงน้อย น้ำจะนิ่ง อาชีพที่ทำตอนน้ำตายจะทำได้บางอาชีพ ขึ้นอยู่กับน้ำแห้งน้อยหรือแห้งมาก ถ้าแห้งน้อยจะประกอบอาชีพประมงได้บางชนิด ได้แก่ เก็บหอยแครง ทำอวนปลากระบอก รอเคย หากน้ำแห้งมากจะประกอบอาชีพประมงได้ทุกชนิด
ด้วยบ้านคลองโคลน ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับชายฝั่งทะเล ทรัพยากรธรรมชาติทางระบบนิเวศทางทะเลจึงเป็นต้นทุนสำคัญของชาวบ้าน ที่ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ และส่งเสริมศักยภาพ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนที่มั่นคงในหลายๆ ด้าน โดยมีต้นทุนทรัพยากรทางธรรมชาติ ดังนี้
- ระบบนิเวศชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ตำบลคลองโคน
- น้ำเค็ม คือพื้นที่ปากอ่าวและชายฝั่ง เป็นแหล่งประมง ทำนาเกลือ นากุ้ง
- น้ำกร่อย คือพื้นที่ถัดเข้ามาจากปากอ่าว เป็นแหล่งปลูกมะพร้าว
- น้ำจืด คือพื้นที่ชั้นในแผ่นดิน เป็นแหล่งทำนาข้าว ทำสวนผลไม้ต่าง ๆ
- ป่าชายเลน
- แม่น้ำแม่กลอง
- สัตว์น้ำ/สัตว์ทะเล
- หอยชนิดต่าง ๆ เช่น หอยแมลงภู่ หอยแครง หอยนางรม หอยตะกาย หอยเสียบ ฯลฯ
- ปลาหลากหลายชนิด เช่น ปลาดุกทะเล ปลากระบอก ปลาหมอเทศ ปลาจวด ปลากุเลา ปลากะพง ปลาลิ้นหมา ปลาใบปอ ปลาฉลาม ฯลฯ
- กุ้ง เช่น กุ้งกุลาดำ กุ้งกระต่อม กุ้งแชบ๊วย ตัวเคย
- ปู เช่น ปูทะเล ปูม้า ปูแสม ปูเปรี้ยว ปูก้ามดาบ ปูลม
- พรรณไม้ต่าง ๆ เช่น ต้นลำพู ต้นแสม ต้นโกงกาง
ภาษาพูด : ภาษาไทยกลาง
ภาษาเขียน : อักษรไทย
การทำกะปิของตำบลคลองโคนคาดว่ามีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จะเป็นการทำกะปิโดยการนำกุ้งมาตำให้ละเอียดแล้วจึงนำไปทำกะปิ สำหรับประกอบอาหารต่าง ๆ ครั้งเมื่อมาอาศัยอยู่ที่คลองโคนได้พบตัวเคย จึงได้นำตัวเคยตาดำที่มีลักษณะคล้ายกุ้ง ซึ่งต่างกันแค่ไม่มีหนวดและตัวเล็กมาก นำมาทำกะปิได้รสชาติที่ดี จึงทำกะปิจากตัวเคยตาดำนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
กะปิที่ชาวบ้านนำมาเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารนั้นมีหลายชนิด เช่น กะปิจากการนำกุ้ง กะปิจากเคยตาดำ แต่กะปิคลองโคนนั้นเป็นกะปิที่ทำจากตัวเคย ซึ่งมีลักษณะคล้ายกุ้งตัวเล็กแต่ไม่มีหนวด บริเวณปากอ่าวไทยชายฝั่งด้านตะวันตก ตั้งแต่ปากแม่น้ำแม่กลองไปถึงตำบลบ้านแหลม กะปิคลองโคนมีความอร่อยที่ไม่เหมือนใคร และมีความเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นในตัวเอง ที่เป็นการสร้างแบรนด์กะปิคลองโคน ผ่านกระบวนการถ่ายทอดและการใช้ทรัพยากร เพราะมีทุนทางวัฒนธรรมทางอาหารพื้นบ้าน ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ ทุนทางภูมิปัญญา สดสะอาด ถูกหลักอนามัย เป็นตัวชูโรงการทำอาหารได้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะการทำน้ำพริกที่เป็นอาหารพื้นบ้านของคนภาคกลาง และยังเป็นส่วนประกอบอาหารไทยอีกมากมาย สำหรับกะปิเคยตาดำแท้คลองโคนนั้น จะปลอดภัยจากสารกันบูดเจือปน ผู้ที่ประกอบอาหารรับประทานในครัวเรือนและร้านอาหารต่าง ๆ จะกล่าวถึงความอร่อยและมีคุณภาพที่ดีของกะปิคลองโคน จึงได้รับความนิยม มีชื่อเสียงเป็นสินค้าห้าดาวของจังหวัดสมุทรสงคราม
กรวรรณ เวชชานุเคราะห์. (2556). การสื่อสารเพื่อการพัฒนาการมีส่วนร่วมของชุมชน กรณีศึกษาการจัดการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์พื้นที่ชุมชนคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
จังหวัดสมุทรสงคราม. (ม.ป.ป.). คลองโคน. สืบค้น 11 มีนาคม 2568, จาก https://ww2.samutsongkhram.go.th/
สภาองค์ชุมชนตำบลคลองโคน. (2560). การจัดการความรู้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านตำบลคลองโคน. สืบค้น 11 มีนาคม 2568, จาก http://www.klongkone.go.th/
ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านคลองโคน. (24 มกราคม 2567). #ปลูกป่าแบบวันเดียวกลับ. สืบค้น 11 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
กะปิคลองโคนแท้ แม่บุญล้อมเจ้าเก่า. (10 กันยายน 2567). เรียน คุณลูกค้าผู้มีอุปการะคุณร้านกะปิคลองโคนแท้แม่บุญล้อมเจ้าเก่าทุกๆท่าน. สืบค้น 11 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
กะปิคลองโคนแท้ แม่บุญล้อมเจ้าเก่า. (17 กันยายน 2567). ตอนนี้ทางร้านเริ่มจัดส่งพัสดุได้ตามปกติแล้วนะคะ. สืบค้น 11 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
กะปิคลองโคนแท้ แม่บุญล้อมเจ้าเก่า. (2566). สืบค้นเมื่อ 11 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/profile.php
กะปิคลองโคนแท้ แม่บุญล้อมเจ้าเก่า. (2567). สืบค้นเมื่อ 11 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/profile.php