บึงน้ำใส แหล่งกำเนิดปลามังกร
ชื่อบ้านบึงน้ำใส มีที่มาจากพื้นที่แห่งนี้มีบึงขนาดใหญ่ ขนาดพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ในภาษามลายูท้องถิ่นเรียกว่า "บาโร๊ะ กลาวาส" หมายถึง บึงที่มีน้ำใสสะอาดมาก
บึงน้ำใส แหล่งกำเนิดปลามังกร
จากคำบอกเล่าของคนในพื้นที่กล่าวว่า บ้านบึงน้ำใสมาจากพื้นที่แห่งนี้มีบึงขนาดใหญ่ ขนาดพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ในภาษามลายูท้องถิ่นเรียกว่า "บาโร๊ะ กลาวาส" หมายถึง บึงที่มีน้ำใสสะอาดมาก ชาวบ้านกล่าวว่า เวลาอยู่ในเรือสามารถมองเห็นปลาในบึงได้ในระยะความลึก 3 เมตรและพื้นที่นี้เป็นแหล่งต้นกำเนิดของปลามังกรและปลาอีกหลายชนิด
บ้านบึงน้ำใสอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอรามัน ประมาณ 10 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวจังหวัด 30 ประมาณ กิโลเมตร การเดินทางมายังชุมชนบ้านบึงน้ำใสสามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล และรถโดยสารสองแถว
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านคูเล็ง หมู่ที่ 5 ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านตะโล๊ะหะลอ หมู่ที่ 2 ตำบลตะโล๊ะหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านตะโล๊ะหะลอ หมู่ที่ 2 ตำบลตะโล๊ะหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านบือแนบลูเก๊ะ หมู่ที่ 4 ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
สภาพพื้นที่กายภาพ
สภาพทั่วไปของบ้านบึงน้ำใส มีลักษณะพื้นที่เป็นป่ารกทึบ ป่าดิบชื้น พื้นที่รองลงมาเป็นพื้นที่ของทุ่งหญ้า มีหนองน้ำที่สำคัญของหมู่บ้าน คือ บึงน้ำใส โดยพื้นที่ของหมู่บ้านแบ่งเป็นพื้นที่สองส่วน บริเวณพื้นที่ส่วนในมีลักษณะพื้นที่ลุ่มมีหนองน้ำ พื้นที่ส่วนนี้เคยประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อยและเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยของชาวบ้านส่วนใหญ่ ส่วนพื้นที่ด้านนอกจะมีลักษณะที่สูงบริเวณนี้จะมีการเพาะปลูกและมีการทำการเกษตร ได้แก่ ปลูกยางพารา ทุเรียน และผลไม้ตามฤดู บางส่วนเป็นพื้นที่ทำนาแต่ไม่มีการทำนาแล้วในปัจจุบัน
จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุว่าบ้านบึงน้ำใสมีจำนวนครัวเรือน 278 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 1,006 คน แบ่งประชากรชาย 474 คน หญิง 532 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู คนในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน
มลายูผู้คนในชุนชนบึงน้ำใสมีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ
กลุ่มผ้าบาติก เป็นกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างอาชีพให้คนในชุมชนโดยการผลิตเสื้อผ้าบาติกหรือทำกระเป๋าผ้าบาติก การทำกระเป๋ากับเสื้อได้รับคำชื่นชมจากคนในพื้นที่เพราะสามารถสร้างรายได้ให้คนในท้องถิ่นแห่งนี้
ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร ปลูกต้นยาง ทุเรียน ลองกอง เป็นต้น ในอดีตเคยเป็นพื้นที่นาขนาดใหญ่ โดยมีการลงแขกปลูกข้าวและมีการเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่เป็นที่น่าเสียดายปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้ไม่มีการทำนาแล้วเนื่องจากผู้คนนิยมปลูกยางพาราเป็นหลัก
ในรอบปีของผู้คนบ้านบึงน้ำใส มีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
- การละเล่นพื้นบ้านรายอหก ชุมชนจะจัดกิจกรรมละเล่นพื้นบ้านที่เคยละเล่นในอดีตหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นการแข่งเล่นหมากหลุม ปาลูกข่าง ขูดมะพร้าวทำขนม เป็นต้น
- วันรายอแนหรือรายอหก ความหมายรายอแน คือ คำว่า "รายอ" ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า "แน" คือ หก ในทางปฏิบัติเมื่อถึงวันตรุษอีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องจนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอด คนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองวันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน
- กิจกรรมฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฎิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือน ซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการมีการกินเลี้ยงร่วมรับประทานอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน
- เมาลิดินนบี เป็นวันคล้ายวันประสูติของศาสดามูฮัมหมัด (ซล.) ศาสดาแห่งมนุษยชาติ ผู้ศรัทธาในศาสนาอิสลาม จะมีการรำลึกถึงคุณงามความดี หรือประวัติของท่านในอดีตกาล ในบรรยากาศแห่งความรัก และรำลึกถึงท่านอย่างแท้จริง ซึ่งจะจัดในเดือน เราะบีอุลเอาวัล ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ในปฏิทินอิสลาม
- วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า “วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือศีลอดมาตลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย “ซะกาตฟิตเราะฮ์”
- วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมีการทำกุรบานหรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การถือศีลอด เป็นหลักปฎิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่างที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด ซึ่งเป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า “ละหมาดตะรอเวียะห์”
- การละหมาด เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิม ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา
- การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้ง ชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไร ต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การเข้าสุนัต เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่าเป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บางพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ โดยมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
- ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมไว้ร่อยหรอลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน จึงกลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ
คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ
การประกอบอาชีพของประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ได้แก่ สวนยางพารา สวนผลไม้ บางส่วนรับราชการ
1. นายมันซูร มะศีละ ผู้สืบทอดศิลปะการแสดงหนังตะลุง ในอดีตหนังตะลุงเป็นศิลปะการแสดงที่ได้รับความนิยมในพื้นที่มีการจัดแสดงตามหมู่บ้านหรือชุมชนเป็นบ่อยครั้ง โดยท่านได้รับการสืบทอดศิลปะการแสดงจากบรรพบุรุษในตระกูลของท่าน
ทุนวัฒนธรรม
โรงกริชรามันห์ เป็นโรงผลิตกริชรามันห์แห่งที่สองในพื้นที่ โดย ตะพะลี และลูก ๆ ร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปะในการทำกริชซึ่งถือว่าหายากแล้วในปัจจุบันที่มีการสืบทอดศิลปวัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่แห่งนี้
ภาษามลายู หรือภาษามาเลย์ เป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ซึ่งใช้ในดินแดนประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน และภาคใต้ของประเทศไทย
ประเทศไทยมีจังหวัดที่มีประชากรพูดภาษามลายู คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและบางอำเภอของจังหวัดสงขลา ประชากรที่นี่ส่วนใหญ่เขียนและบันทึกโดยใช้อักษรยาวี ปัจจุบันคนในชุมชนยังคงรักษาไว้ซึ่งภาษาท้องถิ่นในพื้นที่อย่างเหนียวแน่น ซึ่งในพื้นที่แห่งนี้ชาวบ้านยังคงสื่อสารภาษามลายูเป็นหลัก
การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ การสร้างบ้านเรือนที่มีความทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับอิทธิพลทางการศึกษาสมัยใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิม
ความท้าทายของชุมชนบ้านบึงน้ำใสเผชิญปัญหากับความท้าทายเกี่ยวกับน้ำท่วมพื้นที่ส่วนในที่ติดกับบึงน้ำใสทำให้บ้านเรือนหลายหลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทุกปีแต่อย่างไรก็ตามชาวบ้านในพื้นที่มีการปรับตัวสร้างยกพื้นสูงขึ้น
ในชุมชนมีจุดน่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ บึงน้ำใส ร้านก๋วยเตี๋ยวริมบึง
ซูไรดา เจะนิ. (2559). การศึกษาภูมินามของหมู่บ้านในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา. ทุนอุดหนุนจากงบประมาณการศึกษาประจำปี 2559. มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา.
กรมการปกครอง. (2565). ระบบสถิติทางการทะเบียน จำนวนประชากร. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/