Advance search

หนึ่งในจุดดำน้ำที่ดีที่สุดในประเทศไทยและเอเชีย มีแนวปะการังน้ำตื้น–น้ำลึก, หาดทรายขาว, อ่าวที่เงียบสงบ และเกาะนางยวนที่มี “ทะเลแหวก” ขึ้นชื่อแหล่งพบ เต่าทะเล ฉลามหูดำ ปลานีโม และฉลามวาฬ มีกิจกรรมอนุรักษ์ เช่น ปลูกปะการัง, ปล่อยเต่า, เก็บขยะทะเล รวมถึงโครงการ “Zero Waste” และ “Green Koh Tao”

เกาะพะงัน
เกาะพะงัน
สุราษฎร์ธานี
ทต. เกาะเต่า โทร. 0-7760-1981
สุพัตทรา แพ่งกล่อม
5 มิ.ย. 2025
วิไลวรรณ เดชดอนบม
15 มิ.ย. 2025
เกาะเต่า

ชื่อ “เกาะเต่า” มาจากรูปร่างของเกาะที่ ดูคล้ายเต่าทะเล เมื่อมองจากบางมุม โดยเฉพาะหากมองจากท้องทะเลหรือเรือที่แล่นเข้ามา ส่วนโขดหินและเนินเขาหลายจุดบนเกาะมีรูปร่างคล้ายกับ กระดองเต่า และ หัวเต่า ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออย่างไม่เป็นทางการในสมัยก่อน นอกจากนี้เกาะเต่าในอดีตยังเคยเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเลจำนวนมาก โดยเฉพาะเต่ากระและเต่าตนุ นักเดินเรือและชาวประมงในสมัยก่อน มักพบเห็นเต่าเป็นจำนวนมากขึ้นฝั่งมาวางไข่ จึงเรียกขานกันว่า “เกาะที่มีเต่า” หรือ “เกาะเต่า” ไปโดยปริยาย


ชุมชนชนบท

หนึ่งในจุดดำน้ำที่ดีที่สุดในประเทศไทยและเอเชีย มีแนวปะการังน้ำตื้น–น้ำลึก, หาดทรายขาว, อ่าวที่เงียบสงบ และเกาะนางยวนที่มี “ทะเลแหวก” ขึ้นชื่อแหล่งพบ เต่าทะเล ฉลามหูดำ ปลานีโม และฉลามวาฬ มีกิจกรรมอนุรักษ์ เช่น ปลูกปะการัง, ปล่อยเต่า, เก็บขยะทะเล รวมถึงโครงการ “Zero Waste” และ “Green Koh Tao”

เกาะพะงัน
เกาะพะงัน
สุราษฎร์ธานี
84360
10.094811062835
99.84123953337009
เทศบาลตำบลเกาะเต่า

เกาะเต่า เป็นเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ตั้งอยู่กลางอ่าวไทยเป็นตำบลหนึ่ง ของอำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 2 เกาะ คือ เกาะเต่า และเกาะนางยวน ประกอบด้วย 3 หมู่บ้าน คือ บ้านหาดทรายรี บ้านแม่หาด และบ้านโฉลกบ้านเก่า

ยุคก่อนมีผู้ตั้งถิ่นฐาน (ก่อน พ.ศ. 2486) เดิมทีเกาะเต่าเป็นเกาะร้าง ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ถาวรเป็นเพียงแหล่งพักของชาวประมงที่แวะมาหลบลมมรสุมหรือพักชั่วคราว เกาะมีชื่อเสียงว่าเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเล โดยเฉพาะเต่ากระและเต่าตนุขึ้นมาวางไข่บนหาด จึงเป็นที่มาของชื่อ “เกาะเต่า”

ยุคสมัยรัฐใช้พื้นที่คุมขังนักโทษ หรือสมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม (พ.ศ. 2486 – 2490) เกาะเต่าเคยถูกใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษการเมืองและนักโทษทั่วไป คล้ายกับ “เกาะตะรุเตา” นักโทษเหล่านี้ถูกส่งมาอยู่บนเกาะเพื่อให้ใช้แรงงานและอยู่ห่างไกลจากประชาชนทั่วไป มีการสร้างบ้านพักและระบบน้ำใช้แบบพื้นฐาน โดยนักโทษเองก็เริ่มเพาะปลูกและตกปลาเพื่อยังชีพ ต่อมาเมื่อสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เกาะเต่าไม่เป็นสถานกักกันอีกต่อไป และนักโทษก็ทยอยออกจากเกาะไปตั้งแต่ พ.ศ. 2490

ยุคเริ่มตั้งถิ่นฐานโดยชาวบ้าน (ตั้งแต่ พ.ศ. 2494) คู่สามีภรรยาชาวเกาะพงัน คือ “คุณพ่ออาจ้อย” และ “แม่จัน” เป็นผู้บุกเบิกตั้งรกรากบนเกาะอย่างถาวรเป็นกลุ่มแรก โดยเริ่มจากการทำสวนมะพร้าวและประมง ครอบครัวอื่นๆ ค่อยๆ อพยพเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเกาะพะงันและชุมพร เกาะเริ่มมีโครงสร้างพื้นฐานแบบเรียบง่าย เช่น ท่าเรือ, โรงเรียน และศูนย์สาธารณสุข

ยุคการท่องเที่ยว (ตั้งแต่ทศวรรษ 2520 เป็นต้นมา) ในช่วงทศวรรษ 2520–2530 นักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คจากยุโรปเริ่มค้นพบเกาะเต่า ความใสของน้ำทะเลและความสมบูรณ์ของแนวปะการังทำให้เกาะเต่ากลายเป็นจุดดำน้ำลึกยอดนิยม โดยเฉพาะสำหรับการเรียนดำน้ำแบบ PADI

ปัจจุบันเกาะเต่าเป็นหนึ่งในสถานที่มีการอบรมนักดำน้ำมากที่สุดในโลก (Top 5 ของโลก) และมีประชากรถาวรราว 10,000–12,000 คน (รวมแรงงานต่างชาติ) มีศูนย์ดำน้ำมากกว่า 50 แห่ง โรงแรมและรีสอร์ตกว่า 200 แห่ง การอนุรักษ์ธรรมชาติเริ่มได้รับความสำคัญมากขึ้น มีการรณรงค์ลดขยะพลาสติกและฟื้นฟูแนวปะการัง

เกาะเต่าตั้งอยู่ในทะเลอ่าวไทย และมีอาณาเขตโดยรอบ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ ทะเลอ่าวไทย ห่างจากเกาะพะงันประมาณ 45 กิโลเมตร
  • ทิศใต้ ติดกับ เกาะนางยวน ซึ่งเป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ห่างจากเกาะเต่าเพียง ~480 เมตร
  • ทิศตะวันตก หันหน้าออกสู่ทะเลอ่าวไทย มีหาดแม่หาด (ท่าเรือหลักของเกาะ)
  • ทิศตะวันออก เป็นพื้นที่ภูเขาและหน้าผา มีแนวปะการังใต้น้ำ และหาดเงียบ เช่น อ่าวโตนด และอ่าวลึก      

เกาะเต่าเป็นเกาะภูเขาหินแกรนิต มีพื้นที่ประมาณ 21 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับเนินเขา มีที่ราบชายฝั่งน้อย มีชายหาดสวยงาม เช่น หาดทรายรี, หาดแม่หาด, อ่าวโฉลกบ้านเก่า และอ่าวลึก จุดสูงสุดของเกาะคือบริเวณเขาสูงกลางเกาะ มองเห็นวิวรอบ 360 องศา บ้านเรือนมีทั้งแบบพื้นถิ่น (ไม้ใต้ถุนสูง) และสิ่งปลูกสร้างที่ทันสมัย (รีสอร์ต, อาคารคอนกรีต) มีสถานที่สำคัญ เช่น วัดเกาะเต่า (ศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธ) มัสยิดชุมชน สำหรับชาวมุสลิม โรงเรียนบ้านเกาะเต่า ศูนย์สุขภาพเกาะเต่า ฯลฯ

ชุมชนเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบไปด้วย 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหาดทรายรี บ้านแม่หาด และบ้านโฉลกบ้านเก่า ซึ่งจากข้อมูลสถิติจำนวนประชากรรายเดือน สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ประจำเดือนธันวาคม 2567 หมู่ที่ 1 บ้านหาดทรายรี มีประชากรชาย 436 คน และหญิง 430 คน หมู่ที่ 2 บ้านแม่หาด มีประชากรชาย 387 คน และหญิง 319 คน หมู่ที่ 3 บ้านโฉลกบ้านเก่า มีจำนวนประชากรชาย 500 คน และหญิง 459 คน รวมทั้ง 3 หมู่บ้านในเกาะเต่า มีประชากรรวมกันทั้งหมด 2,531 คน

เกาะเต่าเป็นชุมชนที่มีระบบเครือญาติที่เข้มแข็ง และมีตระกูลดั้งเดิมที่มีบทบาทสำคัญในการบุกเบิกและพัฒนาเกาะตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม คือ ตระกูล “อาจ้อย – จัน” (บุกเบิกกลุ่มแรก) คู่สามีภรรยา “พ่ออาจ้อย” และ “แม่จัน” คือผู้ตั้งถิ่นฐานถาวรกลุ่มแรกบนเกาะเต่าในช่วงประมาณ ปี พ.ศ. 2494 ทั้งคู่มาจาก เกาะพะงัน เดินทางด้วยเรือหางยาวมาตั้งรกรากที่เกาะเต่า โดยเริ่มจากการทำสวนมะพร้าว และหาปลา มีบุตรหลานจำนวนมาก และเป็น “ต้นตระกูล” ของหลายครอบครัวที่ยังคงอาศัยอยู่บนเกาะเต่าจนถึงปัจจุบัน

ประชากรบนเกาะเต่ามีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ โดยกลุ่มหลัก ๆ บนเกาะเต่าได้แก่ ชาวไทยเชื้อสายจีน (จีนไหหลำ) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่สำคัญของชุมชนเกาะเต่า โดยเฉพาะกลุ่มผู้บุกเบิกจากเกาะพะงันและชุมพร เชื่อว่ามีบรรพบุรุษมาจาก จีนไหหลำ ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในภาคใต้ของไทยตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 5 ชาวไทยพุทธ (พื้นถิ่นภาคใต้) เป็นกลุ่มคนท้องถิ่นดั้งเดิมจาก ชุมพร, สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช บางส่วนย้ายมาทำสวนหรือค้าขายในยุคที่เกาะเริ่มมีคนอาศัย ชาวไทยมุสลิม ส่วนใหญ่อพยพมาจาก สงขลา ปัตตานี หรือยะลา เพื่อมาประกอบอาชีพด้านแรงงานและการท่องเที่ยว แรงงานต่างชาติ (กลุ่มชั่วคราว/ถาวร) มีจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงที่เกาะเต่าขยายตัวด้านการท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นชาวพม่า ลาว กัมพูชา และบางส่วนจากยุโรป (ที่มาเปิดศูนย์ดำน้ำหรือทำงานเป็นครูสอนดำน้ำ) ชาวต่างชาติจากยุโรปบางคนแต่งงานกับคนไทยและตั้งรกรากถาวร

ขแมร์ลือ, จีน, ลาวเวียง

ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะท่องเที่ยวและมีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ชาวเกาะเต่าจึงมีอาชีพที่เชื่อมโยงกับ การท่องเที่ยว เป็นอาชีพหลักของคนเกาะเต่า เช่น เจ้าของรีสอร์ต โฮสเทล ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บริการเรือท่องเที่ยว ดำน้ำ (Dive Industry) ขนส่งทางเรือ/เรือรับนักท่องเที่ยว คนท้องถิ่นจำนวนมากมีเรือหางยาวหรือเรือสปีดโบ๊ตให้บริการพานักท่องเที่ยวเที่ยวรอบเกาะ แต่ในขณะเดียวกันก็มีอาชีพเสริมที่ยังคงรักษาวิถีชาวเกาะดั้งเดิมไว้ด้วย เช่น ทำสวนมะพร้าว เป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวเกาะ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังทำอยู่ในพื้นที่เชิงเขา งานฝีมือ/ของที่ระลึก เช่น ทำสร้อยเปลือกหอย, ผ้าบาติก, ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว ขายให้นักท่องเที่ยว เลี้ยงไก่–เลี้ยงปลา–ทำเกษตรผสมผสาน มีจำนวนหนึ่งทำเกษตรในพื้นที่ลุ่มใกล้เชิงเขา เช่น เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด ปลูกผักสวนครัว ซ่อมรถ/ขนส่งในเกาะ เช่น ซ่อมมอเตอร์ไซค์, รับจ้างขนของ, รถแท็กซี่ภายในเกาะ

ปฏิทินชุมชนของเกาะเต่าผสมผสานกิจกรรมทางศาสนา, ประเพณีท้องถิ่น, กิจกรรมสิ่งแวดล้อม และเทศกาลท่องเที่ยว โดยมีการจัดกิจกรรมต่อเนื่องตลอดปี ดังนี้

  • มกราคม : ทำบุญตักบาตรปีใหม่, พิธีไหว้เจ้า (ของชาวไทยเชื้อสายจีน)
  • กุมภาพันธ์: ตรุษจีน (มีขบวนแห่เจ้า, การไหว้เจ้า, การแสดงมังกร, งิ้ว)
  • มีนาคม : เริ่มฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุด (High Season), เก็บขยะชายหาดร่วมกับนักดำน้ำ
  • เมษายน : สงกรานต์เกาะเต่า (มีขบวนแห่พระ, รดน้ำดำหัว, สาดน้ำ), ปล่อยเต่าทะเลโดยโรงเรียน/รีสอร์ต
  • พฤษภาคม : ประเพณีทำบุญกลางปี, งาน “วันดำน้ำเพื่อสิ่งแวดล้อม”
  • มิถุนายน : วันสิ่งแวดล้อมโลก (ชุมชน-นักท่องเที่ยวปลูกปะการัง, เก็บขยะทะเล)
  • ตุลาคม : ประเพณีสารทเดือนสิบ (ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ)
  • พฤศจิกายน : ลอยกระทงชายหาดแม่หาด/ทรายรี, แข่งขันกระทงสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ
  • ธันวาคม : วันพ่อแห่งชาติ, วันคริสต์มาสและปีใหม่ (สำหรับชาวต่างชาติและผู้ประกอบการ), กิจกรรมอาสาเก็บขยะส่งท้ายปี
  • นายทองพูน รักษ์เต่าบทบาท: ผู้นำชุมชนดั้งเดิม – อดีตกำนันตำบลเกาะเต่าความสำคัญ: เป็นผู้ผลักดันการรวมกลุ่มของชาวบ้านในช่วงที่เกาะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยว มีบทบาทในการจัดระเบียบการใช้ที่ดินและแหล่งน้ำให้ยั่งยืน สนับสนุนให้คนในท้องถิ่นมีบทบาทในธุรกิจท่องเที่ยว ไม่ตกเป็นเพียงแรงงาน
  • นางสาวสมฤดี ชูชาติบทบาท: ผู้นำด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม – หัวหน้าหน่วยแพทย์ชุมชนเกาะเต่าความสำคัญ: จัดตั้งโครงการ “หมอชุมชนเชิงอนุรักษ์” ร่วมกับ อสม. และอาสาสมัครต่างชาติ ประสานการให้ความรู้ด้านสุขภาพ–การป้องกันโรคในฤดูท่องเที่ยว ร่วมรณรงค์โครงการเกาะเต่าไร้โฟมและพลาสติก

คนในชุมชนมีความรู้เรื่องทะเล–ธรรมชาติ- มีครู ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำเกาะ- เยาวชนมีจิตสำนึกอนุรักษ์ มีภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การทำน้ำหมักชีวภาพ การอนุรักษ์ปะการัง- ชาวบ้านรู้การปรับตัวด้านการท่องเที่ยวและบริการ มีแนวปะการัง เต่าทะเล หาดทราย น้ำทะเลใส- ทรัพยากรทางทะเลสมบูรณ์มาก (เป็นจุดดำน้ำระดับโลก)- ภูเขา น้ำตก ป่าเขตร้อนขนาดย่อม ประเพณีท้องถิ่น เช่น ลอยกระทง สารทเดือนสิบ สงกรานต์- ภาษาใต้ และวัฒนธรรมชาวเกาะยังคงอยู่ในครอบครัว รายได้หลักจากการท่องเที่ยว การดำน้ำ รีสอร์ต ร้านอาหาร- มีอาชีพเสริม เช่น งานฝีมือ ประมงพื้นบ้าน และยังมีเครือข่ายชุมชนเข้มแข็ง เช่น กลุ่มอาสา “รักษ์เกาะเต่า”- มีการร่วมมือระหว่างคนในพื้นที่–นักท่องเที่ยวจิตอาสา- โครงการสิ่งแวดล้อมร่วมกับโรงเรียนและภาคธุรกิจ

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ก่อนปี 2540 เกาะเต่ามีผู้นำแบบดั้งเดิม มีลักษณะกึ่งชุมชนปกครองตนเอง ต่อมาในปี 2540–2560 การเจริญเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวดึงกลุ่มทุนต่างถิ่นเข้ามา มีความขัดแย้งเรื่องที่ดินและสิทธิประโยชน์ หลังปี 2561 เริ่มมีความร่วมมือมากขึ้นระหว่างประชาชน–อบต.–เอกชน เพื่อพัฒนาเกาะอย่างยั่งยืน

ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2566–2567) เกิดการมีส่วนร่วมของชุนในการตรวจสอบ โดยมีการตั้ง “สภาชุมชน” และกลไกตรวจสอบเพิ่มขึ้น แม้ว่าด้านการเมืองการปกครองของเกาะเต่ากำลังอยู่ในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” จากระบบบริหารแบบดั้งเดิม สู่การกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้น แต่ยังเผชิญปัญหาเรื่องความโปร่งใส อิทธิพลของกลุ่มทุน และความไม่ต่อเนื่องของนโยบาย ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญในการพัฒนาเกาะอย่างยั่งยืน


ก่อนปี 2540 เศรษฐกิจพึ่งพาประมงและการเกษตรพื้นบ้าน รายได้ต่ำ ต่อมา พ.ศ. 2540–2560 มีการขยายตัวของการท่องเที่ยว ทำให้มีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก เช่น รีสอร์ต ร้านอาหาร ศูนย์ดำน้ำ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์โควิด-19 (พ.ศ. 2563–2565) เศรษฐกิจเกาะเต่าหยุดชะงัก คนตกงานจำนวนมาก บางส่วนกลับไปทำเกษตรหรือประมงพื้นบ้าน

ภายหลังโควิด (2566–ปัจจุบัน) การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น แต่การแข่งขันสูง คนท้องถิ่นบางส่วนถูกเบียดจากกลุ่มทุนต่างถิ่น เศรษฐกิจของเกาะเต่าพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งเป็นทั้ง “โอกาส” และ “จุดอ่อน” ของชุมชน การเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น โรคระบาดหรือสภาพอากาศสุดขั้ว อาจส่งผลกระทบหนัก จำเป็นต้องเสริมความหลากหลายทางเศรษฐกิจ และสร้างกลไกที่ช่วยกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม


ประชากรท้องถิ่นดั้งเดิม มีจำนวนน้อยลง คิดเป็นเพียง ~20–30% ของประชากรทั้งหมด บางตระกูลอยู่มาหลายชั่วอายุคน แรงงานย้ายถิ่น จากภาคใต้ ภาคอีสาน และต่างประเทศ (เมียนมา, ลาว, ชาวตะวันตก) เข้ามาทำงานในธุรกิจบริการ ประชากรแฝงมีจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่มาพำนักระยะยาว เช่น ครูดำน้ำ อาสาสมัคร หรือผู้ทำงานรีโมต (digital nomads) เยาวชนมีแนวโน้มออกจากเกาะเพื่อเรียนต่อหรือหางานนอกเกาะ อัตราการกลับมาทำงานในท้องถิ่นต่ำ จากครอบครัวขยายเปลี่ยนเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะในแรงงานย้ายถิ่น ภาษาใต้ดั้งเดิมเริ่มลดบทบาท วัฒนธรรมพื้นบ้านบางส่วนเลือนหายจากวิถีชีวิตเร่งรีบ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดทั้งความเข้าใจร่วมและความขัดแย้งประปราย นอกจากนี้ยังเผชิญความท้าทายด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม ระหว่างกลุ่มทุน – แรงงาน – คนท้องถิ่น เช่น รายได้ ที่อยู่อาศัย และการเข้าถึงบริการพื้นฐาน การอยู่ร่วมกันของคนต่างถิ่น บางครั้งขาดกลไกประสาน เช่น แรงงานต่างชาติไม่มีสิทธิทางสังคมอย่างเต็มที่ ปัญหาสังคมวัยรุ่น เยาวชนบางส่วนเผชิญกับพฤติกรรมเสี่ยง (เช่น ยาเสพติด, ความรุนแรงในครอบครัว) โดยเฉพาะในครอบครัวแตกแยกหรือยากจน ช่องว่างระหว่างวัย ผู้สูงอายุยังมีความเชื่อดั้งเดิม ส่วนคนรุ่นใหม่เปิดรับวัฒนธรรมจากภายนอก ทำให้เกิดความขัดแย้งทางค่านิยม และยังมีข้อจำกัดในการจัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ในชุมชน เช่น แรงงาน, ท้องถิ่น, ต่างชาติ

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

เชฎฐ์ รัตนพิเชฎฐชัย และ วีระ วีระโสภณ. (2566). สำรวจพฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มดำน้ำ ในเขตพื้นที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี. รายงานการประชุม Graduate School Conference (Vol. 6, No. 1, p. 696).

ธำรงศักดิ์ ดำรงศิริ และ วารัชต์ มัธยมบุรุษ. (2559). การบริหารจัดการ การท่องเที่ยวดำน้ำลึกเชิงอนุรักษ์: กรณีศึกษาเกาะเต่า ตำบลเกาะเต่า อำเภอพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสาร Trends of Humanities and Social Sciences Research, 4(1), 37–48. 

ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ,พิสดาร์ รุ่งเรืองทองทวี และ กุลวิทย์ ลิ่มจุฬารัตน์. (2559). การจัดทำแหล่งท่องเที่ยวใต้ทะเลเพื่อกิจกรรมการดำน้ำลึก : เรือหลวงสัตกูด เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารราชภัฏสุราษฎร์ธานี, 3(1), 209-229.

ปัญจวิชญ วีระกุล. (2553). ผลกระทบของการท่องเที่ยวที่มีผลต่อการใช้ประโยชน์ที่ดินและชุมชนของเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. (2562). การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในชุมชนเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี. คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.

ศิวัช คงทอง และณัฏฐกฤษฏิ์ เอกวรรณัง. (2566). แรงจูงใจในการท่องเที่ยว และองค์ประกอบของแหล่งท่องเที่ยวที่มีอิทธิพลต่อ การกลับมาเยือนซ้ำของนักท่องเที่ยวชาวไทย : กรณีศึกษาเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลพระนคร, 3(1), 35-39.

สุทธิดา อุ่นจิตร. (22 เมษายน 2566). พลาสติก-พลาสเต่า Plas-Tao สตูดิโอเล็ก ๆ ที่เป็นจุดรับขยะชุมชน ห้องเรียนรีไซเคิลพลาสติก และขายของฝากจากขยะทะเลบนเกาะเต่า สุราษฎร์ธานี. สืบค้น 6 มิถุนายน 2568, จาก https://readthecloud.co/plas-tao-koh-tao/

อิสระพงษ์ พลธานี. (2562). การศึกษาองค์ประกอบของศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารการบริการและการท่องเที่ยวไทย, 14(2), 17–24. 

Getty Thailand. (11 เมษายน 2564). เกาะเต่า 1 ในเกาะที่สวยติดอันดับโลก. สืบค้น 6 มิถุนายน 2568, จาก https://gettythailand.com/

Koh Tao Complete Guide. (2024). Why Koh Tao is different: Local voices and sustainability practices. Retrieved June 7, 2025, from https://www.kohtaocompleteguide.com

Plas-Tao. (6 มีนาคม 2568). Giving plastic a second life. สืบค้น 6 มิถุนายน 2568, จาก https://www.facebook.com/

Plas-Tao. (25 มีนาคม 2568). Recycled Gadgets and Games. สืบค้น 6 มิถุนายน 2568, จาก https://www.facebook.com/

Plas-Tao. (28 มีนาคม 2568). Whale sharks attack. สืบค้น 6 มิถุนายน 2568, จาก https://www.facebook.com/

ทต. เกาะเต่า โทร. 0-7760-1981