Advance search

บาลูกาปาลัส

ทุ่งนาเขียวขจี บึงบาลูกาปาลัส

หมู่ที่ 7
บ้านบาลูกาปาลัส
บาลอ
รามัน
ยะลา
เทศบาลบาลอ โทร. 0-7329-9523
อับดุลเลาะ รือสะ
18 ก.พ. 2023
นิรัชรา ลิลละฮ์กุล
24 มี.ค. 2023
อับดุลเลาะ รือสะ
27 เม.ย. 2023
บ้านบาลูกาปาลัส
บาลูกาปาลัส

"บาลูกา" คือพื้นที่ป่าชนิดหนึ่ง ซึ่งในป่าแห่งนี้มีต้นไม้ขนาดเล็กขึ้นเป็นกอที่เต็มไปด้วย ต้นพ้อ หรือในภาษามลายูเรียกว่า "ปาลัส" ชาวบ้านมักนำมาใช้ห่อข้าวต้มสามเหลี่ยมในเทศกาลต่าง ๆ จึงเป็นที่มาของชื่อชุมชนแห่งนี้ว่า "บ้านบาลูกาปาลัส"


ชุมชนชนบท

ทุ่งนาเขียวขจี บึงบาลูกาปาลัส

บ้านบาลูกาปาลัส
หมู่ที่ 7
บาลอ
รามัน
ยะลา
95140
6.46099773768426
101.440230309963
องค์การบริหารส่วนตำบลบาลอ

ชุมชนบ้านบาลูกามีประวัติความเป็นมาจากคำว่า "บาลูกา" เป็นชื่อของป่าชนิดหนึ่งซึ่งในป่าแห่งนี้มีต้นไม้ขนาดเล็กขึ้นเป็นกอ ๆ บริเวณนี้จะเป็นที่ลุ่ม และคำว่า "ปาลัส" เป็นชื่อของต้นไม้ที่มีลักษณะเป็นใบเรียวยาว เป็นพุ่ม หรือในภาษาไทยเรียกว่า ใบพ้อ ต้นพ้อที่ชาวบ้านนำมาห่อข้าวต้มสามเหลี่ยมในเทศกาลต่างๆ สรุปได้ว่า บาลูกา คือพื้นที่ป่าที่เต็มไปด้วย ต้นพ้อ หรือในภาษามลายูเรียกว่า ปาลัส

บ้านบาลูกาปาลัสอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอรามัน ประมาณ 3.4 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 24 กิโลเมตร การเดินทางมายังชุมชนบ้านบาลูกาปาลัสสามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล และรถโดยสารประจำทาง

อาณาเขตติดต่อ

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านรามัน หมู่ที่ 1 ตำบลกายูบอเกาะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลตะโล๊ะหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านปุลัย หมู่ที่ 6 ตำบลบาลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลกาลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา

สภาพพื้นที่กายภาพ

สภาพทั่วไปของบ้านบาลูกาปาลัสเป็นพื้นที่ราบและล้อมรอบด้วยภูเขา พื้นที่เหมาะแก่การเพาะปลูกทำการเกษตร ลักษณะพื้นที่สามารถแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนใน มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในพื้นที่และพื้นที่บางส่วนมีการทำนาเป็นประจำทุกปี ส่วนพื้นที่ส่วนนอก เป็นถนนใหญ่เป็นทางผ่านสู่พื้นที่อื่น โดยมากเพาะปลูกพืชทางการเกษตร ได้แก่ ยางพารา ทุเรียน พื้นที่ส่วนใหญ่ปลอดภัยจากน้ำท่วม

จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนบ้านบาลูกาปาลัส จำนวน 138 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 628 คน แบ่งประชากรชาย 295 คน หญิง 333 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู คนในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน

มลายู

ผู้คนในชุนชนบาลูกาปาลัสลมีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ

กลุ่มสตรี เป็นกลุ่มที่จัดตั้งเพื่อเป็นแหล่งทุนช่วยเหลือสตรีในชุมชนให้มีความเข้มแข็งและเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ผ่านการจัดทำขนมพื้นบ้านเพื่อจำหน่ายในชุมชนหรือนอกชุมชน

ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร ปลูกต้นยาง ทุเรียน ลองกอง และพื้นที่ส่วนใหญ่ทำนาปีเป็นประจำทุกปี รองลงมาประกอบอาชีพรับราชการและค้าขาย

ในรอบปีของผู้คนบ้านบาลูกาปาลัสมีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้

วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม

  • งานเมาลิดนบี เป็นวันแห่งการยกย่องวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) คำว่า "เมาลิด" เป็นภาษาอาหรับแปลว่า เกิด, ที่เกิด หรือวันเกิด ซึ่งหมายถึง วันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ตรงกับวันที่ 12 เดือนรอบือุลเอาวัล หรือเดือนที่ 3 ตามปฏิทินอิสลาม กิจกรรมในงานเมาลิดได้แก่ การอัญเชิญคัมภีร์อัล-กุรอาน การกล่าวสรรเสริญ อ่านซางี เพื่อระลึกถึงท่านนบีมูฮัหมัด (ซ.ล.) นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่ไปร่วมงานด้วย ชุมชนบ้านบาลูกาลูวัสจะจัดงานเมาลิดตามบ้านแต่ละหลังโดยผลัดเวียนตามเวรที่ได้รับมอบหมายจากผู้นำในพื้นที่

  • วันรายอแนหรือรายอหก ความหมายรายอแน คือ คำว่า "รายอ" ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า "แน" คือ หก ในทางปฏิบัติ เมื่อถึงวันตรุษอีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องไปเลย จนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอด คนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลอง วันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน

  • กิจกรรมฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฎิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือน ซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการจะมีการกินเลี้ยงร่วมรับประทานอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน

  • วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า วันรายอปอซอ เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือศีลอดมาตลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้ามีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย ซะกาตฟิตเราะฮ์

  • วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมีการทำกุรบาน หรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม

  • การถือศีลอด เป็นหลักปฎิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอด ในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่างที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด ซึ่งเป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า ละหมาดตะรอเวียะห์

  • การละหมาด เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิม ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา

  • การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับ ให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้ง ชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไร ต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม

  • การเข้าสุนัต เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่าเป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บางพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ โดยมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

  • ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมไว้ร่อยหรอลง จึงได้นำส่วนที่เหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน กลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ

คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน

วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ

การประกอบอาชีพของประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก เช่น ปลูกยางพารา ทุเรียน ลองกอง และข้าราชการ

1. นางเมาะ  เป็นหมอตำแยประจำหมู่บ้านกล่าวกันว่าในสมัยก่อนเมื่อสตรีในหมู่บ้านจะคลอดต้องไปขอท่านให้มาช่วยทำคลอด ท่านไดรับการการเรียนรู้ในศาสตร์นี้จากมารดาของท่านซึ่งเป็นความรู้ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ท่านเป็นที่รู้จักของผู้คนทั้งในพื้นที่และนอกหมู่บ้าน

อาหาร วิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมนชมบาลูกาปาลัสมีพื้นที่ติดกับแม่น้ำสายบุรีซึ่งเป็นสถานที่หลักในการหาปลาของคนในชุมชน ปลาที่ได้ส่วนใหญ่ชาวบ้านมักนำมาทำแกงกะทิปลา หรือบางส่วนนำปลาไปตากแห้งเพื่อเก็บไว้ปรุงทำอาหารในครั้งถัดไป

ภาษามลายู หรือภาษามาเลย์ เป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ซึ่งใช้ในดินแดนประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน และภาคใต้ของประเทศไทย

ประเทศไทยมีจังหวัดที่มีประชากรพูดภาษามลายู คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและบางอำเภอของจังหวัดสงขลา ประชากรที่นี่ส่วนใหญ่เขียนและบันทึกโดยใช้อักษรยาวี ปัจจุบันการใช้ภาษามลายูท้องถิ่นในชุมชนบาลูกาปาลัสยังคงนิยมใช้ในการสื่อสารระหว่างคนในชุมชนและคนต่างชุมชนเป็นหลัก


เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายของประชากรไปนอกพื้นที่มากขึ้น ส่วนใหญ่เลือกไปทำงานต่างถิ่น เพราะไม่มีงานรองรับในพื้นที่ พื้นที่ส่วนใหญ่ที่คนในพื้นที่ไปทำงาน ได้แก่ ร้านต้มยำ กรีดยาง เป็นต้น


การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ การสร้างบ้านเรือนที่มีความทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับอิทธิพลทางการศึกษาสมัยใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิม

ในชุมชนมีจุดน่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ บึงบาลูกาปาลัส

ซูไรดา เจะนิ. (2559). การศึกษาภูมินามของหมู่บ้านในอำเภอรามัน จังหวัดยะลาทุนอุดหนุนจากงบประมาณการศึกษาประจำปี 2559.มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา.

กรมการปกครอง. (2565). ระบบสถิติทางการทะเบียน จำนวนประชากร. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/

เทศบาลบาลอ โทร. 0-7329-9523