
ชาวบ้านส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามแบบสุหนี่ และยังรักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรม มลายูปัตตานี เช่น การพูด ภาษายาวี (Baso Yawi) และใช้ อักษรยาวี ในงานศาสนาและวัฒนธรรม
ชาวบ้านส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามแบบสุหนี่ และยังรักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรม มลายูปัตตานี เช่น การพูด ภาษายาวี (Baso Yawi) และใช้ อักษรยาวี ในงานศาสนาและวัฒนธรรม
สมัยก่อนราวยุคกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. ~2300–2400) ตำบลรูสะมิแลชื่อเดิมมาจากภาษายาวี “รูสะมิแล” ที่หมายถึง “สนเก้าต้น” ซึ่งสืบเนื่องจากตำนานลิ่มโกเหนียว นางจากจีนที่นำเรือ 9 ลำมาถึงชายหาดของพื้นที่นี้ [เริ่มตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา]
ยุคการค้าทางทะเล (พุทธศตวรรษที่ 20-21) อ่าวปัตตานีเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเล มีชุมชนชายฝั่งจำนวนมาก เช่น บ้านรูสะมิแลและหมู่บ้านประมงอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ [พ.ศ. ~2000–2100]
การเปลี่ยนศาสนาและอาณาจักรศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 18–20) ชุมชนปัตตานีเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม และรวมกลายเป็นอาณาจักรปัตตานีอิสระซึ่งล่มสลายในภายหลัง [พ.ศ. ~1700–1900]
ยุคโจรสลัดฟูเจี้ยน (พ.ศ. 2116–2163) กลุ่มโจรสลัดนำโดยหลิน เต้า-เฉียน ยึดเมืองปัตตานี ส่งผลให้เกิดตำนาน เช่น เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และการสร้างปืนใหญ่นางพญาตานี
สมัยรัตนโกสินทร์และการปกครองไทย ปัตตานีเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา จนเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ได้จัดการปกครองเข้มข้น และตั้งเป็นมณฑลปัตตานี พ.ศ. 2476 ได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดปัตตานี
ยุคหลัง พ.ศ. 2500–2556 พื้นที่ตำบลรูสะมิแลพัฒนา จากชุมชนริมทะเลเป็นแหล่งตั้งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งทำให้ชุมชนมีการขยายตัวเขตตั้งถิ่นฐานอย่างชัดเจน วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554: ตำบลรูสะมิแลถูกจัดตั้งเป็น เทศบาลตำบลรูสะมิแล อย่างเป็นทางการ
ก่อน พ.ศ. 2550 เริ่มมีการรวมกลุ่มพัฒนาชุมชนโดยเน้นการมีส่วนร่วมของสตรี โดยกลุ่มอาชีพและกลุ่มออมทรัพย์
ปี 2551 จัดตั้ง กองทุนสวัสดิการชุมชนเทศบาลตำบลรูสะมิแล มีสมาชิกกลุ่มแรก ~80 คน จากทั้ง 6 หมู่บ้าน รวมทั้งหมู่ 4 บ้านงาแม่
ปี 2553 ก่อตั้งสภาองค์กรชุมชนเทศบาล รวมตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ ประชุมทุกเดือน และสัญจรหมู่บ้าน เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมชุมชนอย่างเป็นระบบ
พ.ศ. 2566–2567 โครงการขุดลอกลำน้ำสาธารณะ ของเทศบาลในหมู่ 4 บ้านงาแม่ เพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและบำบัดน้ำเสียในพื้นที่
ลักษณะภูมิประเทศ เป็นที่ราบชายฝั่งทะเล สภาพดินเป็นหาดโคลนเลน เนื่องจากอยู่ในบริเวณแนวปากแม่น้ำปัตตานี
ลักษณะภูมิอากาศ เนื่องจากตำบลรูสะมิแล ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองปัตตานี และอยู่ติดกับฝั่งทะเลอ่าวไทย จึงทำให้มีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื้น และมีเพียง ๒ ฤดูกาล คือ
- ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนเมษายน อากาศจะร้อนที่สุดในเดือนเมษายน แต่เนื่องจากตำบลรูสะมิแลอยู่ติดกับอ่าวไทยฝั่งตะวันออก จึงทำให้สภาพอากาศไม่ร้อนมากนัก
- ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึง เดือนมกราคม ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนตกชุกต่อเนื่องกันและโดยทั่วไปจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากเป็นบางช่วง ปริมาณฝนเฉลี่ยตลอดปีประมาณ ๒,๐๘๓ ม.ม. และมีฝนตกประมาณปีละ ๑๕๖ วัน โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีจะมีฝนตกมากที่สุด
อาณาเขต
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอ่าวไทย
- ทิศใต้ ติดต่อกับตำบลปะกาฮะรัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับเทศบาลเมืองปัตตานี
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับตำบลดอนรัก อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
บ้านงาแม่ หมู่ที่ 4 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ตามข้อมูลทางการทะเบียนราษฎร จากกรมการปกครองในเดือนธันวาคม 2567 มีประชากรชาย 857 คน หญิง 949 คน รวม 1,806 คน โดยกลุ่มชาติพันธุ์หลักคือชาวมลายูที่นับถือศาสนาอิสลาม
มลายูเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบชายฝั่งทะเล และมีเขตพื้นที่ติดต่อกับเทศบาลเมืองปัตตานี การประกอบอาชีพของประชากรจึงมีความหลากหลาย และสามารถแบ่งเป็นสัดส่วนได้โดยประมาณ คือ
- อาชีพรับจ้าง 50 %
- อาชีพค้าขาย 20 %
- อาชีพการประมงชายฝั่ง 10 %
- อาชีพอื่นๆ 20 %
พิธีกรรมีของศาลเจ้าจ้าวเองสือ (พระ 108 เจ้าแม่ทับทิม) มีความแตกต่างออกไปจากพิธีกรรมในศาลเจ้าอื่น ๆ ในจังหวัดปัตตานี คือจะอาศัยม้าทรงของเทพเจ้าจีนเข้ามามีบทบาทในทุกพิธีกรรม ประกอบไปด้วย
- พิธีหาไม้ไผ่ คือพิธีกรรมแรกที่ม้าทรงให้ความสำคัญ เพื่อเป็นการคัดสรรหาไม้ไผ่อย่างพิถีพิถัน สำหรับนำมาจัดทำพิธีกรรมยกเสาเทวดาในวันวันถัดไป พี่เลี้ยงม้าทรงองค์เทพเจ้าจะต้องจัดเตรียมเพิ่มเติม คือ เครื่องเช่นไหว้เจ้าที่เจ้าทางไทย จีน อาทิเช่น หมู ไก่ ผลไม้ ขนม และยังคงให้ความเคารพศาลเจ้าที่มลายู โดยการนำผลไม้ เครื่องดื่มมาเซ่นไหว้ขออนุญาตเปิดทาง เพื่อทำพิธีขอไม้ก่อนลงมือตัดไม้ไม้ไผ่ด้วยเช่นกัน
- พิธียกเสาเทวดา เป็นพิธีกรรมเพื่อประกาศให้องค์เทพเจ้าจีน เทพเทวดาให้มารับทราบงานบุญที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ และเพื่อเป็นการเชิญชวนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้มาเข้าร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว ทั้งนี้จะมีม้าทรง องค์เทพเจ้าจีนเป็นเทพผู้บัญชาการ คอยควบคุมพิธีกรรมดังกล่าวให้เสร็จสมบูรณ์
- พิธีไหว้ไม้ฟืน และโป้ยเสี่ยงทายเพื่อหาจุดลงหลักไฟ ใช้ประกอบพิธีไฟ จะมีการตั้งของเซ่นไหว้โดยมีม้าทรงองค์เทพเจ้าจีนเป็นเทพผู้บัญชาการคอยควบคุม พิธีกรรมต่างๆ ให้สำเสร็จเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ ทำพิธีโป้ยถามหาฤกษ์เวลาพระออกจากศาลเจ้าตลอดจนลำดับองค์พระออกจากศาลเจ้า โดยมีคณะกรรมการเป็นผู้โป้ยถาม และมีม้าทรงองค์เทพเจ้าจีนเป็นเทพผู้บัญชาการ
- พิธีทำถ้วยไฟ ถ้วยไฟ ถือเป็นหัวใจของพิธีกรรมชาวจีนไหหลำ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขออนุญาต การแสดงซึ่ง ความจงรักภักดีต่อพระเพลิง ซึ่งจะต้องนำถ้วยไฟ ไปทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ โดยภายในถ้วยไฟจะมีผ้ายันต์หรือฮู้ด้ายแดงของเทพเจ้าจีน พร้อมด้วยเมล็ดธัญพืช เช่น พุทราจีน เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ความอุดมสมบูรณ์และเจริญรุ่งเรือง ถั่วลิสงเป็นความเชื่อเรื่องสุขภาพที่ดี ชีวิตยืนยาว เป็นต้น ใส่ไว้ในถ้วยไฟ จากนั้นม้าทรงจะทำพีธีร่ายมนต์คาถาถ้วยไฟ เพื่อนำถ้วยไฟไปทำพิธีลงหลักไฟในพิธีลุยไฟในวันถัดไป
- พิธีล้างเกี้ยว นับเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน โดยม้าทรงขององค์เทพเจ้าจีนจะนำเกี้ยวพระตั้งขาเดียวในกระป้องขนาดเล็กหรือกระป้องนม เพื่อล้างเกี้ยว ล้างสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่อัปมงคลก่อนจะอัญเชิญ องค์เทพลงประทับเกี้ยวและแห่ไปรอบเมืองเพื่อพบปะประซาชนในวันรุ่งขึ้น นับเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
- พิธีเชิญพระประทับเกี้ยว ม้าทรงองค์เทพเจ้าจีนเป็นผู้อัญเชิญพระโดยส่งมอบให้กับคณะกรรมการศาลเจ้าหรือประชาชนที่เป็นตัวแทนในการอุ้มพระเพื่อประทับเกี้ยว โดยเรียงตามลำดับพิธีโป้ยถามหาลำดับองค์พระออกจากศาลเจ้า
- พิธีลงหลักไฟ อัญเชิญเทพเจ้าตี่จู้เอี๊ยะประทับร่างม้าทรง โดยการนำถ้วยไฟที่ผ่านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์แล้วนั้น มาลงดินที่จะทำพิธีลุยไฟโดยจัดเรียงกองฟืนวางเรียงคล้ายกระโจมไฟ มีไม้ค้ำและไม้หลักโดยจะเว้นช่องเป็นประตู ด้านเดียวกับโต๊ะบูชาการแห่พระออกจากศาลเจ้าและเยี่ยมบ้านประชาชน อัญเชิญองค์เทพที่พระทับเกี้ยวออกจากศาลเจ้าแห่รอบเมืองปัตตานี เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสมโภชไปตามถนนที่มีประชาชนทั้ง 2 ฟากที่เลื่อมใส ได้กราบไหว้ และบ้านหลังไหนที่ต้องการให้องค์พระเข้าไปในบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล ก็จะตั้งโต๊ะบูชาไว้หน้าบ้านเพื่อเป็นสัญลักษณ์ อีกหนึ่งความประทับใจและเห็นถึงพิธีกรรมที่มีไม่เหมือนกับศาลเจ้าอื่น ๆ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี คือการมีองค์เทพเจ้าจีนในศาลเจ้าจ้าวเองสื่อประทับร่างม้าทรง ร่วมเดินในขบวนแห่พร้อมแสดงอภินิหารต่าง ๆ และอวยพรให้กับพี่น้องประชาชนที่เลื่อมใส ไปพร้อมขบวนแห่ที่งดงามขององค์พระศักดิ์สิทธิ์ในศาลเจ้าจากมูลนิธิศาลเจ้าจ้าวเองสือปัตตานี
- พิธีลุยน้ำ ขบวนขององค์พระศักดิ์สิทธิ์ในศาลเจ้าจะถูกแห่ ไปยังเซิงสะพานเดซานุชิต โดยลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนและผู้เลื่อมใส ที่หมุนเวียนเปลี่ยนคนเพื่ออัญเชิญเกี้ยวเข้าพิธีลุยน้ำข้ามแม่น้ำปัตตานี ก่อนจะเข้าสู่พิธีลุยไฟในช่วงเวลาถัดไป
- พิธีลุยไฟ อัญเชิญองค์เทพเจ้าจีนประทับร่างม้าทรง ให้ดำเนินพิธีผ่านไปโดยราบรื่น เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมม้าทรงจะตัดยอดกองไฟ เพื่อให้เป็นที่รู้กันว่าถึงเวลาอันเหมาะสมในการอัญเชิญพระ (อุ้มพระลุยไฟ) และอัญเชิญองค์พระที่ประทับเกี้ยวลุยไฟนับเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนต่างร่วมพิธีกรรมดังกล่าวโดยเชื่อว่าการลุยไฟเป็นการสะเดาะเคราะห์ ยกเว้นสตรีผู้มีครรภ์ และคนที่ไว้ทุกข์ ร่วมถึงสตรีที่มีระดูหรือมีประจำเดือน เนื่องจากเป็นสภาวะไม่สะอาดซึ่งก่อให้เสียพิธีกรรมและบังเกิดอันตรายต่อตนเองได้
- ภาษาไทย : ใช้ในการสื่อสารทั่วไป และใช้ในการอธิบายความหมายของเทพ พิธีกรรม ประวัติให้ประชาชนทั่วไป
- ภาษาอิสลามหรือภาษายาวี : ประชากรประมาณ 75-88 % ใช้ในการพูดคุยกันในชีวิตประจำวัน
โครงการขุดลอกร่องลำน้ำสาธารณะ บ้านงาแม่ หมู่ที่ 4 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน (Geo – social Map) วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.30 น. นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เปิดโครงการขุดลอกร่องลำน้ำสาธารณะ บ้านงาแม่ หมู่ที่ 4 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ตามแผนงานการพัฒนาตามผังภูมิสังคมเพื่อการบริหารจัดการน้ำหมู่บ้าน/ชุมชน แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน (Geo – social Map)
นำโดย นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ พร้อมด้วยจิตอาสาพระราชทาน อาสาสมัคร ผู้นำชุมชน ร่วมกิจกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องประชาชน เกิดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ ผู้นำชุมชน องค์กรภาคเอกชน ส่วนราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งที่ดีโดยในโครงการได้ขุดลอกร่องน้ำสาธารณะเพื่อระบายน้ำครั้งนี้แบ่งออกเป็นการขุดลอกร่องน้ำกว้าง 1.50 – 3.00 เมตร ระยะทางประมาณ 1,059 เมตร ปริมาตรดินที่ขุดลอกประมาณ 2,153 ลูกบาศก์เมตร วางท่อลอด คสล. ขนาด 0.80 เมตร ยาว 8.00 เมตร จำนวน 4 เมตร รวมจำนวน 32 ท่อนและวางท่อลอด คสล. ขนาด 0.60 เมตร ยาว 8.00 เมตร จำนวน 8 ท่อน โดยได้รับการสนับสนุนเครื่องจักรในการขุดลอกร่องน้ำสาธารณะจากภาคเอกชน โดยการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวได้แก้ปัญหาน้ำท่วม บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และยังเกิดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ ผู้นำชุมชน องค์กรภาคเอกชน ส่วนราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคต่อไป
พิธีกรรมการตั้ง "ก๋งหล่วน" (公鑾) หรือเกี้ยวของเทพเจ้า เป็นพิธีกรรมสำคัญของชาวจีนไหหลำ โดยเฉพาะในศาลเจ้าต่างๆ โดยร่างทรงจะจับกงหล่วงตั้งบนถ้วยด้วยขาเดียว เพื่อประกอบพิธีกรรมอื่นๆ ตามความเชื่อของแต่ละศาลเจ้า พิธีกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประเพณีของชาวจีนไหหลำ ที่มีการสืบทอดกันมาแต่โบราณ
กรมการปกครอง. (2567). สถิติจำนวนประชากรทางการทะเบียนราษฎร. สืบค้นจาก
นิชาภา พฤกษวัลต์. (2566). พิธีกรรมความศรัทธาการสืบทอดวัฒนธรรมจีน กรณีศึกษา : ม้าทรงการสื่อสารจากเทพเจ้าสู่ลูกหลานศาลเจ้าจ้าวเองเสือ (พระ 108 เจ้าแม่ทับทิม) จังหวัดปัตตานี. 44(2), 29-42.
เทศบาลเมืองรูสะมิแล. (ม.ป.ป.). ประวัติความเป็นมา. สืบค้นจาก https://www.rusamilae.go.th
เทศบาลเมืองรูสะมิแล. (ม.ป.ป.). สภาพและข้อมูลพื้นฐาน. สืบค้นจาก https://www.rusamilae.go.th
Thailandplus. (2566). โครงการขุดลอกร่องลำน้ำสาธารณะ บ้านงาแม่ หมู่ที่ 4 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน (Geo – social Map). สืบค้นจาก https://www.thailandplus.tv