วิถีชุมชน กลุ่มอาชีพเหนี่ยวแน่น มัสยิดโต๊ะปาแกะสถานที่รวมความเป็นหนึ่งเดียวของชุมชน
คำว่า "โต๊ะปาแก๊ะ" เป็นชื่อบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญต่อชาวบ้าน ในภาษามลายู คำว่า "โต๊ะ" คือ ผู้ที่มีความสามารถในด้านใดด้านหนึ่ง และ "ปาแกะ" มาจาก ฟากิฮ แปลว่าผู้เชี่ยวชาญในวิชาฟิกฮ์หรือกฏหมายอิสลาม
วิถีชุมชน กลุ่มอาชีพเหนี่ยวแน่น มัสยิดโต๊ะปาแกะสถานที่รวมความเป็นหนึ่งเดียวของชุมชน
คำว่า "โต๊ะปาแก๊ะ" เป็นชื่อบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญต่อชาวบ้าน ในภาษามลายู คำว่า "โต๊ะ" คือ ผู้ที่มีความสามารถในด้านใดด้านหนึ่ง และ "ปาแกะ" มาจาก ฟากิฮปลว่าผู้เชี่ยวชาญในวิชาฟิกฮ์หรือกฏหมายอิสลาม ในอดีตโต๊ะปาแกะถือว่าเป็นบุคคลที่ความสามารถด้านศาสนาและมีความเชี่ยวชาญในวิชาศาสนาเป็นอย่างมากโดยเฉพาะแขนงวิชาฟิกฮ์หรือกฎหมายอิสลาม
กล่าวกันว่าความสามารถของท่านสามารถอธิบายวิชาโดยใช้เวลาไม่กี่นาที มือของท่านเสมือนมีไฟส่องสว่างหากท่านต้องการเขียนหนังสือนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟช่วยส่องสว่าง เสมือนที่มือของท่านมีแสงสว่าง ชาวบ้านเล่าต่อว่า ไม่มีใครโกหกต่อท่านได้ ถ้าผู้ใดโกหกอย่างไรจะได้สิ่งนั้นตามที่พูดไป ครั้งหนึ่งมีพ่อค้าหาบน้ำผึ้งเดินผ่านหน้าบ้านของท่าน ท่านเลยถามคนหาบน้ำผึ้งว่า หาบอะไรในนั้น พ่อค้าตอบกลับมาว่า หาบน้ำบูดู เมื่อพ่อค้ากลับมาถึงบ้านลองเปิดออกมาปรากฏว่าเป็นน้ำบูดูตามที่พ่อค้าหาบเร่ได้กล่าวต่อหน้าโตะปาแกะ และนี้คือความพิเศษของผู้รู้ท่านนี้ ชาวบ้านเล่าว่าท่านเป็นผู้รู้ที่เดินทางจากประเทศอินโดนีเซียมาอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้และสถาบันปอเนาะสอนชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย ปัจจุบันหลุมฝังศพของท่านตั้งอยู่บริเวณมัสยิดโต๊ะปาแกะ
บ้านโต๊ะปาแกะยู่ห่างจากตัวอำเภอรามันประมาณ 13 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 22 กิโลเมตร การเดินทางมายังชุมชนบ้านยาลงโต๊ะปาแกะสามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลแลแวะ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านปากาสาแม หมู่ที่ 1 ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านตาลาแน หมู่ที่ 3 ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านบูเกะจือฆา หมู่ที่ 5 ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
สภาพพื้นที่กายภาพ
สภาพทั่วไปของชุมชนโต๊ะปาแกะมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำนาและมีบางส่วนทำการเพาะปลูกต้นทุเรียน และยางพารา ลักษณะพื้นที่สามารถแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนด้านในจะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านที่อยู่กันอย่างหนาแน่นและพื้นที่บางส่วนเป็นทุ่งนา ส่วนพื้นที่ด้านนอกจะติดถนนใหญ่เป็นทางผ่านสู่ชุมชนอื่น มีบ้านเรือนเป็นบางส่วนและพื้นที่เพาะปลูกทางเกษตรกรรม
จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนบ้านโต๊ะปาแกะ จำนวน 458 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 1,629 คน แบ่งเป็นประชากรชาย 837 คน หญิง 792 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายูในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน
มลายูผู้คนในชุนชนโต๊ะปาแกะมีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ
กลุ่มจักสาน เป็นกลุ่มที่จัดขึ้นผ่านกลุ่มสตรีในหมู่บ้านโดยนำภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น เตยหนาม มาจักสานเป็นกระเป๋า เสื่อ ตะกร้าใส่ข้าวสาร และทำภาชนะต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเป็นไอเดียความคิดภูมิปัญญาท้องถิ่นตั้งแต่รุ่นยาย ได้มีการสืบทอดรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน
ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา ทำนา ทุเรียน รองลงมาประกอบอาชีพค้าขายและรับราชการ
ในรอบปีของผู้คนบ้านโต๊ะปาแกะมีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
- งานเมาลิดนบี เป็นวันแห่งการยกย่องวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) คำว่า "เมาลิด" เป็นภาษาอาหรับแปลว่า เกิด, ที่เกิด หรือวันเกิด ซึ่งหมายถึงวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ตรงกับวันที่ 12 เดือนรอบือุลเอาวัล หรือเดือนที่ 3 ตามปฏิทินอิสลาม ชุมชนบ้านโต๊ะปาแกะจะจัดงานเมาลิดตามบ้านแต่ละหลังโดยผลัดเวียนตามเวรที่ได้รับมอบหมายจากผู้นำในพื้นที่ กิจกรรมในงานเมาลิดได้แก่ การอัญเชิญคัมภีร์อัล-กุรอาน การกล่าวสรรเสริญ อ่านซางี เพื่อระลึกถึงท่านนบีมูฮัหมัด (ซ.ล.) นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่ไปร่วมงานด้วย
- วันรายอแนหรือรายอหก ความหมายรายอแน คือ คำว่า "รายอ" ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า "แน" คือ หก ในทางปฏิบัติ เมื่อถึงวันตรุษอีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องจนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอด คนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองวันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน
- กิจกรรมฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฎิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือนซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการ จะมีการกินเลี้ยงร่วมรับประทานอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน
- วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า “วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือศีลอดมาตลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย “ซะกาตฟิตเราะฮ์”
- วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย มีการทำกุรบานหรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การถือศีลอด เป็นหลักปฎิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงดการกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่าง ที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด ซึ่งเป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า “ละหมาดตะรอเวียะห์”
- การละหมาด เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิม ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา
- การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้งชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไร ต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การเข้าสุนัต เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่าเป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บางพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ โดยมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
- ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมไว้ร่อยหรอลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน กลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ
คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพของประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพทำสวน เช่น ปลูกยางพารา ทุเรียน ทำนา ลองกอง รองลงมาประกอบอาชีพรับราชการ
1. นางมาซีเตาะ เป็นผู้สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นการจักสานเตยหนาม ซึ่งได้เรียนรู้การจักสานมาจากรุ่นยายจนสามารถนำมาประกอบอาชีพในปัจจุบัน
ทุนวัฒนธรรม
มัสยิดโต๊ะปาแกะเป็นสถานที่รวมความเป็นหนึ่งของชุมชนอีกทั้งมีสุสานโต๊ะปาแกะ เพื่อเป็นการรำลึกคุณงามความดีของท่านในเผยแพร่ศาสนาสู่พื้นที่โต๊ะปาแกะแห่งนี้
ประเทศไทยมีจังหวัดที่มีประชากรพูดภาษามลายู คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและบางอำเภอของจังหวัดสงขลา ประชากรที่นี่ส่วนใหญ่เขียนและบันทึกโดยใช้อักษรยาวี ปัจจุบันคนในชุมชนยังคงรักษาไว้ซึ่งภาษาท้องถิ่นในพื้นที่อย่างเหนียวแน่น พื้นที่ชุมชนโต๊ะปาแกะส่วนใหญ่จะสื่อสารภาษามลายูเป็นหลักและเมื่ออยู่ในส่วนราชการจะใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร
การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ การสร้างบ้านเรือนที่มีความทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับอิทธิพลทางการศึกษาสมัยใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิม
ความท้าทายของชุมชนโต๊ะปาแกะเผชิญความท้าทายด้านทรัพยากรทางธรรมชาติ เนื่องจากเป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในช่วงฤดูฝนเป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตามปัญหาน้ำท่วมไม่ได้สร้างความเสียหายที่รุนแรง เนื่องจากชาวบ้านมีการปรับวิถีชีวิตโดยการสร้างบ้านยกพื้นสูงเพื่อหลีกเลี่ยงจากน้ำท่วมสูง
ในชุมชนมีจุดน่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ โรงเรียนบ้านโต๊ะปาแกะ คอฟฟี่โต๊ะปาแกะ
ซูไรดา เจะนิ. (2559). การศึกษาภูมินามของหมู่บ้านในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา. ทุนอุดหนุนจากงบประมาณการศึกษาประจำปี 2559. มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา.
กรมการปกครอง. (2565). ระบบสถิติทางการทะเบียน จำนวนประชากร. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/