เป็นชุมชนที่มีความโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันในชุมชน สภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ
ในอดีตมี “ต้นทุเรียน” ขนาดใหญ่ 3 ต้น ตั้งอยู่คล้ายกับก้อนเส้า หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ตูกู" ดังนั้นสมัยก่อนหมู่บ้านแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า ดูรียันตูกู จนมาถึงรุ่นหลัง บ้านดูรียันตูกู ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อให้สามารถเรียกง่ายขึ้นและสั้นลง ได้ตั้งชื่อว่า "บ้านตูกู"
เป็นชุมชนที่มีความโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันในชุมชน สภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ
เสียงเล่าขานจากผู้เฒ่าที่น่าเชื่อถือของหมู่บ้านที่เล่าความอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ นึกและมีแววตาที่กำลังระลึกถึงความทรงจำเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาของท่านผู้นี้ว่า “ตูกู” เดิมบ้านตูกูแห่งนี้เป็นพื้นที่ราบ และเป็นป่ามีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่และมีบ้านเรือนอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน และที่สำคัญในพื้นที่แห่งนี้จะมีต้นไม้ที่ใหญ่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน คือ “ต้นทุเรียน” ซึ่งมีขนาดใหญ่ มีอยู่ 3 ต้น ตั้งอยู่เหมือนกับก้อนเส้า หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ตูกู ดังนั้นสมัยก่อนหมู่บ้านแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า ดูรียันตูกู ต่อมาได้มีครอบครัวหลาย ๆ ครัวเรือน มีลูก มีหลาน มีบ้านเรือนมากขึ้นทุกวัน จึงได้สร้างสุเหร่าในหมู่บ้านขึ้นมาเพื่อเป็นที่ประกอบการทางศาสนาของชาวบ้านแห่งนี้ จนมาถึงรุ่นหลัง "บ้านดูรียันตูกู" ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อให้สามารถเรียกง่ายขึ้นและสั้นลง ได้ตั้งชื่อว่า "บ้านตูกู" ที่เรารู้จักกันและเรียกติดปากกันจนถึงทุกวันนี้
บ้านตูกู แบ่งออกเป็น 4 คุ้มบ้าน
- บ้านตูกู (มีประวัติเช่นเดียวกับประวัติหมู่บ้าน)
- บ้านโต๊ะมาโด๊ะ คำว่า “โต๊ะ” ตามภาษามาลายูท้องถิ่น คือ บุคคลที่มีอายุ ผู้เฒ่าผู้แก่ ส่วนคำว่า “มาโด๊ะ” เป็นชื่อของผู้เฒ่าที่มาตั้งรกรากในพื้นที่เป็นคนแรกจนเป็นที่เรียกกันติดปากว่า บ้านโต๊ะมาโด๊ะ
- บ้านตะโละกียะ สมัยก่อนบริเวณที่ดินคุ้มบ้านแห่งนี้มีหนองน้ำอยู่ เรียกว่า "ตะโละ" (ภาษามาลายูท้องถิ่น) และดินบริเวณนั้นเป็นดินเหนียว หรือตาเนาะลียะ ต่อมาได้มีครอบครัวหลายครัวเรือนมาตั้งรกราก จนมีลูกมีหลาน จึงได้เรียกคุ้มบ้านนี้ว่า "บ้านตะโละลียะ" จนมาถึงรุ่นหลัง ๆ คำจึงเพี้ยนจาก "ตะโละลียะ" กลายเป็น "ตะโละกียะ" จนเรียกกันติดปากมาจนถึงปัจจุบัน
- บ้านทาเนาะปือเร๊าะ คุ้มบ้านทาเนาะปือเร๊าะ แห่งนี้เดิมทีมีการสร้างทำนบเป็นที่แรกในหมู่บ้าน ชาวบ้านก็เรียกตามลักษณะจุดเด่นของหมู่บ้านก็คือ ทาเนาะ (ทำนบ) และบริเวณทำนบมีต้นไม้ชนิดหนึ่งชื่อ "ต้นปือเร๊าะ" ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ใหญ่มาก จนเป็นที่มาของการเรียกชื่อคุ้มบ้านแห่งนี้ว่า “ทาเนาะปือเร๊าะ” จนถึงปัจจุบัน
หมู่ที่ 2 ตั้งอยู่ในตำบลยะต๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ห่างจากอำเภอรามัน ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ หมู่ที่ 4 บ้านอูแบ ตำบลยะต๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลกาลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ หมู่ที่ 5 บ้านตีบุ ตำบลยะต๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลบือมัง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
สภาพพื้นที่ทางกายภาพ
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม โดยเฉลี่ยเป็นที่ราบค่อนข้างสูงและภูเขาสลับซับซ้อน เกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกยางพารา ไม้ผล และไม้ยืนต้น ตั้งอยู่ในเขตมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม–เมษายน และฤดูฝนเริ่มตั้งแต่พฤษภาคม–ธันวาคม อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ 23.1 องศาเซลเซียส และสูงสุดเฉลี่ย 33.7 องศาเซลเซียส มีฝนตกเฉลี่ย 135 วัน/ปี เดือนตุลาคม–ธันวาคม มีฝนตกชุกที่สุดกิโลเมตร ห่างจากจังหวัดยะลาไปทางทิศเหนือ 20 กิโลเมตร
จากข้อมูลที่สำรวจโดยการเก็บข้อมูล จปฐ ของบัณฑิตอาสา ระบุจำนวนครัวเรือนมีทั้งหมด 224 ครัวเรือน (ข้อมูลปี 2565) จำนวนประชากร 834 คน (ข้อมูลปี 2565) ชาย 420 คน หญิง 414 คน ทั้งหมดเป็นอิสลาม คนในชุมชนส่วนอยู่กับแบบครอบครัว ในละแวกใกล้เคียงมีความหลากหลายในช่วงวัย คนในสังคมมีความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้คนในสังคมมีความเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่ระหว่างกัน
มลายูอาชีพหลัก ในพื้นที่บ้านตูกู มีการประกอบอาชีพหลากหลาย ประกอบด้วยการทำนาปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ทำสวนยางพารา ปลูกไม้ผล เช่น เงาะ ทุเรียน ลองกอง มังคุด
อาชีพเสริม การเลี้ยงโค เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาในกระชัง แปรรูปสมุนไพรและเย็บผ้า
การซื้อขายแลกเปลี่ยนภายในชุมชน ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องปรุง เนื้อสัตว์ ผักสด ของใช้ในครัวเรือน ผ่านร้านขายของชำในชุมชน โดยมีร้านค้าภายในชุมชนจำนวน 2 ร้าน นำสินค้าจากในพื้นที่และภายนอกมาจำหน่าย
การซื้อขายแลกเปลี่ยนกับคนภายนอก ส่วนใหญ่เป็นพืชเศรษฐกิจที่ได้จากการทำเกษตรกรรม เช่น ทุเรียน ลองกอง มังคุด หรือซื้อสินค้าจากรถกับข้าว (รถพุ่มพวง) ที่เข้ามาในชุมชนหรือตลาดนัดภายในชุมชนในช่วงเย็นและพื้นที่ตลาดนัดรอบนอก
ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกชุมชน สมาชิกชุมชนส่วนใหญ่อยู่กันเป็นกลุ่มตามโซน เป็นชุมชนที่มีพื้นว่างจากการปลูกสร้างที่พักอาศัยน้อยมาก หรือละแวกใกล้เคียงกับที่อยู่อาศัย ทำให้คนในชุมชนสามารถเข้าได้ทุกกลุ่ม โดยส่วนใหญ่จะเป็นเครือญาติที่ตามมาอยู่ในชุมชน
โครงสร้างอำนาจภายในชุมชน ตามโครงสร้างการปกครอง มีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ทำงานร่วมกับหน่วยงานปกครองท้องถิ่น ส่วนภายในชุมชนในการทำโครงการต่าง ๆ จากภายนอกและงานขับเคลื่อนชุมชน โดยมีนายกอเซ็ง โซ๊ะบารู เป็นแกนนำชุมชน
การรวมกลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นการรวมกลุ่มกันตามครอบครัวและกลุ่มที่สนิทกันหรือมีช่วงวัยเดียวกัน เช่น กลุ่มแกนนำชุมชนที่ทำงานชุมชนด้านต่าง ๆ กลุ่มเด็กและเยาวชน รวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมทางศาสนา และทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชน
วัฒนธรรม ประเพณี ชาวบ้านตูกู นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 100 มีการประกอบศาสนกิจรวมกันทุกคืน ทำให้เกิดผลดีในด้านการปฎิบัติศาสนกิจแล้วยังเกิดผลดี คือการสร้างความสามัคคีและการแลกเปลี่ยนทัศนคติ ข่าวสาร กิจกรรมวันสำคัญทางศาสนา มีดังนี้
- เมาลิดินนบี เป็นวันคล้ายวันประสูติของศาสดามูฮัมหมัด (ซล.) ศาสดาแห่งมนุษยชาติ ผู้ศรัทธาในศาสนาอิสลาม จะมีการรำลึกถึงคุณงามความดีหรือประวัติของท่านในอดีตกาล ในบรรยากาศแห่งความรัก และรำลึกถึงท่านอย่างแท้จริง ซึ่งจะจัดในเดือน เราะบีอุลเอาวัล ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ในปฏิทินอิสลาม
- วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า “วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือศีลอดมาตลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย “ซะกาตฟิตเราะฮ์”
- วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย มีการทำกุรบานหรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การถือศีลอด เป็นหลักปฎิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่าง ที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด ซึ่งเป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า “ละหมาดตะรอเวียะห์”
- การละหมาด เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา
- การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้ง ชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไรต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การเข้าสุนัต เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่าเป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บางพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ โดยมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
- ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมไหร่อยหรอลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน จนกลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ
คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน
1. นายมูหามัด โซ๊ะบารู หมอบ้านด้านกระดูกที่มีคนต่างหมู่บ้านมาใช้บริการเป็นประจำทุกวัน โดยได้รับการสืบทอดศาสตร์ด้านนี้จากรุ่นสู่รุ่น
อาหาร ขนมชนิดหนึ่งที่ทำด้วยข้าวเหนียวผัดกับกะทิ แล้วนำไปห่อด้วยใบตอง ใส่ไส้กล้วย มัดด้วยตอก นำไปนึ่งให้สุก ซึ่งจะใช้เฉพาะกล้วยน้ำว้า เพราะเป็นกล้วยที่สุกยาก พอนึ่งกับข้าวเหนียวแล้วจะทำให้สุกพร้อมกันพอดี นอกจากนี้ ยังสามารถใส่ไส้อื่นได้อีกด้วย เช่น ไส้เผือก หรือไส้ถั่วดำ ในสมัยก่อนนิยมรับประทานข้าวต้มมัดกันในงานบุญต่าง ๆ ปัจจุบันนี้ได้มีการปรับสูตรให้หลายหลายขึ้นและเป็นที่ขึ้นชื่อของหมู่บ้านตูกู
ภาษาที่ใช้พูด : ภาษามลายูท้องถิ่น
ภาษาที่ใช้เขียน : ภาษาไทยกลาง
สถานการณ์การใช้ภาษาของผู้คนในชุมชนส่วนมากใช้ภาษามลายูท้องถิ่นและบางส่วนใช้ภาษาไทยในการสื่อสารและใช้ในการเขียน โดยทั่วไปตามป้ายจะใช้เป็นภาษาไทย
การประกอบอาชีพ ในพื้นที่บ้านตูกูมีการประกอบอาชีพหลากหลาย ประกอบด้วยการทำนาปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ทำสวนยางพารา ปลูกไม้ผล เช่น เงาะ ทุเรียน ลองกอง มังคุด เป็นต้น แรงงาน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานในครัวเรือน เป็นแรงงานในการทำนา ทำสวนไม้ผล สวนยางพาราและแรงงานประเภทต่าง ๆ เช่น รับจ้าง ค้าขาย รับราชการ รายได้ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้เฉลี่ยปีละ 41,725 บาท ครัวเรือนมีการออมจำนวน 189 ครัวเรือน
ปัญหาทางเศรษฐกิจที่ซบเซาบ้างในด้านการค้าขายผลผลิตทางการเกษตร เช่น ไม้ผลราคาตกต่ำ พ่อค้าคนกลางกดราคา อ้างว่าไม่กล้ามาซื้อผลไม้ในพื้นที่ส่งผลให้เกษตรกรบางรายขาดรายได้หรือน้อยลง ประชาชนส่วนใหญ่มีความยากจนและว่างงาน โดยเฉพาะเยาวชนหนุ่มสาว ขาดการศึกษา ซึ่งทำให้ไม่สามารถเรียนรู้และเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นผลทำให้เกิดปัญหาด้านสังคม ภัยคุกคามผู้คนจากภายนอกมาสร้างสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เกิดความหวาดระแวง หวาดกลัว ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนในพื้นที่ สิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของคนในพื้นที่ ในการประชุมประชาคมหมู่บ้านส่วนมากองค์ประชุมมาไม่ครบ เป็นปัญหาในการตัดสินใจบางเรื่องที่ต้องกำหนดทิศทางของหมู่บ้าน/ชุมชน
เศรษฐกิจชุมชนกำลังพัฒนา เพราะมีการทำสวนยางพารา สวนผลไม้ ราคาพืชผลทางการเกษตรต้องดีขึ้น ชุมชนมีความต้องการที่จะจัดตั้งกลุ่มเพื่อร่วมกันผลิต ทำให้มีกำลังในการต่อรอง ทั้งขอสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐและการตลาด ส่งเสริมการเรียนรู้ เท่าทันและปรับตนเองในสถานการณ์ที่สังคมในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และส่งเสริมในด้านคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรมอันดีงาม ปฏิบัติตามหลักศาสนาที่ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีในท้องถิ่น ประชาชนให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐมากขึ้น ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน โดยมีชุด ชรบ. หมู่บ้าน จัดเวรยาม โดยที่ชาวบ้านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้เหตุการณ์ความไม่สงบในหมู่บ้านน้อยลง มีกฎหมายรองรับในการจัดตั้งคณะกรรมการหมู่บ้าน (อปพ.) เพื่อสร้างองค์กรที่เข้มแข็ง การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น แก้ไขปัญหาร่วมกัน ความเสียสละ หน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคม จุดอ่อนคือ ในการประชุมประชาคมหมู่บ้านส่วนมากองค์ประชุมมาไม่ครบเป็นปัญหาในการตัดสินใจ บางเรื่องที่ต้องกำหนดทิศทางของหมู่บ้าน/ชุมชน
ชาวบ้านตูกูยึดมั่นในหลักศาสนา นับถือศาสนาอิสลาม 100% วิถีชีวิตอยู่กันแบบพี่ ๆ น้อง ๆ ใครเดือดร้อนก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อยู่กันเสมือนเครือญาติมีการประกอบศาสนกิจร่วมกันเป็นกลุ่มทุกคืน ไม่ว่าจะเป็นที่มัสยิดและสุเหร่าทำให้เกิดผลดี นอกจากในด้านศาสนาแล้วยังมีผลดีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับทราบข่าวสารและความเป็นอยู่ของชาวบ้าน สถานประกอบศาสนกิจ ได้แก่ มัสยิด จำนวน 1 แห่ง ได้แก่ มัสยิดอัลคอยรียะห์ โต๊ะมาโด๊ะ และสุเหร่าบ้านตูกู
การศึกษา ได้แก่ โรงเรียนตาดีกาคอยรียะห์โต๊ะมาโด๊ะ
ในชุมชนบ้านตูกูมีจุดเด่นในด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
กอเซ็ง โซ๊ะบารู. (12 กุมภาพันธ์ 2566). ข้อมูลชุมชนบ้านตูกู. (โซเฟีย ลือแบปัตตานี, ผู้สัมภาษณ์)
มูหามัด โซ๊ะบารู. (12 กุมภาพันธ์ 2566). ภูมิปัญญา, ปราชญ์ชุมชน. (โซเฟีย ลือแบปัตตานี, ผู้สัมภาษณ์)
กอเซ็ง โซ๊ะบารู, รอกีเย๊าะ ดือเร๊ะ. (12 กุมภาพันธ์ 2566). สภาพแวดล้อม, ประชากร. (โซเฟีย ลือแบปัตตานี, ผู้สัมภาษณ์