ทุ่งนาเขียวขจี
"ตอแล" หมายถึง ความบังเอิญ เล่ากันว่าในสมัยก่อนมีต้นไม้ต้นหนึ่งมีลักษณะเป็นต้นไม้ยืนต้น เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ โคนต้นมักเป็นพุพอน ลำต้นมีลักษณะเปาตรง เปลือกต้นมีลักษณะสีออกเท่าอ่อน หลุดลอกออกเป็นชิ้นกลม เนื้อไม่มีลักษณะสีน้ำตาลแดง เสี้ยนตรง เนื้อหยาบ ส่วนกิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนและมีรอยแผลใบเห็นได้ชัด เป็นต้นไม้ที่ผึ้งชอบมาทำรัง ซึ่งต้นไม้ต้นนี้ชาวบ้านตั้งชื่อว่า ต้นตอแล แปลว่าต้น ต้นยางนาง
ทุ่งนาเขียวขจี
"ตอแล" คือ ความบังเอิญ เล่ากันว่าในสมัยก่อนมีต้นไม้ต้นหนึ่งมีลักษณะเป็นต้นไม้ยืนต้น เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ โคนต้นมักเป็นพุพอน ลำต้นมีลักษณะเปาตรง เปลือกต้นมีลักษณะสีออกเท่าอ่อน หลุดลอกออกเป็นชิ้นกลม เนื้อไม่มีลักษณะสีน้ำตาลแดง เสี้ยนตรง เนื้อหยาบ ส่วนกิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนและมีรอยแผลใบเห็นได้ชัด เป็นต้นไม้ที่ผึ้งชอบมาทำรัง ซึ่งต้นไม้ต้นนี้ชาวบ้านตั้งชื่อว่า ต้นตอแล แปลว่าต้น ต้นยางนาง
บางคนเล่ากันอีกว่า ชุมชนตอแล เกิดจากที่ชาวบ้านเดินผ่านบังเอิญเห็นฝูงผึ้งมาทำรัง ที่ต้นไม้ ชาวบ้านจึงพูดออกมาว่า บือโตแล แปลว่า ด้วยความบังเอิญ ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนออกมาเป็น ตอแล จนถึงทุกวันนี้ และต้นไม้ต้นนี้ชาวบ้านจงตั้งชื่อว่า ต้นตอแล แปลว่า ต้นยางนาง
บ้านตอแลอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอรามัน ประมาณ 2 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 26 กิโลเมตร การเดินทางมายังชุมชนบ้านตอแลสามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านฮูแตบือแก หมู่ที่ 4 ตำบลกายูบอเกาะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ภูเขาบือราแง
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านปาแต หมู่ที่ 4 ตำบลกอตอตือร๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านพงยือเร หมู่ที่ 3 ตำบลกายูบอเกาะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
สภาพพื้นที่กายภาพ
สภาพทั่วไปของชุมชนตอแลมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำนาและมีบางส่วนทำการเพาะปลูกต้นทุเรียนและยางพารา ลักษณะพื้นที่สามารถแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนด้านในจะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในพื้นที่ อาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น และพื้นที่บางส่วนเป็นทุ่งนาขนาดใหญ่มีการทำนาทุกปี ส่วนพื้นที่ด้านนอกติดถนนใหญ่เป็นทางผ่านสู่ชุมชนอื่น มีบ้านเรือนเป็นบางส่วนและพื้นที่เพาะปลูกทางเกษตรกรรม
จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนบ้านตอแล จำนวน 324 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 1,451 คน แบ่งประชากรชาย 692 คน หญิง 759 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู คนในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน
มลายูผู้คนในชุนชนตอแลมีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ
กลุ่มแม่บ้าน เป็นกลุ่มที่จัดตั้งเพื่อเป็นแหล่งทุนช่วยเหลือสตรีในชุมชนให้มีความเข้มแข็งและเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ผ่านการจัดทำขนมพื้นบ้านเพื่อจำหน่ายในชุมชนหรือนอกชุมชน
ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา ทำนา เป็นอาชีพหลักในพื้นที่ บางส่วนประกอบอาชีพค้าขายและรับราชการ
ในรอบปีของผู้คนบ้านตอแลมีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
- งานเมาลิดนบี เป็นวันแห่งการยกย่องวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) คำว่า เมาลิด เป็นภาษาอาหรับแปลว่า เกิด, ที่เกิด หรือวันเกิด ซึ่งหมายถึงวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ตรงกับวันที่ 12 เดือนรอบือุลเอาวัล หรือเดือนที่ 3 ตามปฏิทินอิสลาม ชุมชนบ้านตอแลจะจัดงานเมาลิดตามบ้านแต่ละหลังโดยผลัดเวียนตามเวรที่ได้รับมอบหมายจากผู้นำในพื้นที่ กิจกรรมในงานเมาลิดได้แก่ การอัญเชิญคัมภีร์อัล-กุรอาน การกล่าวสรรเสริญ อ่านซางี เพื่อระลึกถึงท่านนบีมูฮัหมัด (ซ.ล.) นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่ไปร่วมงานด้วย
- วันรายอแนหรือรายอหก ความหมายรายอแน คือ คำว่า "รายอ" ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า "แน" คือ หก ในทางปฏิบัติ เมื่อถึงวันตรุษอีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องจนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอด คนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองวันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน
- กิจกรรมฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฎิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือน ซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการ มีการกินเลี้ยงร่วมรับประทานอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน
- วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า “วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือศีลอดมาตลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย “ซะกาตฟิตเราะฮ์”
- วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมีการทำกุรบานหรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การถือศีลอด เป็นหลักปฎิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่างที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด เป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า “ละหมาดตะรอเวียะห์”
- การละหมาด เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา
- การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับ ให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้ง ชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไรต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การเข้าสุนัต เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่าเป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บางพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ โดยมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพของประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ ยางพารา ทุเรียน และทำนา ในอดีตพื้นที่เป็นอู่ข้าวที่สำคัญมีความอุดมสมบูรณ์จนสามารถส่งออกข้าวไปยังพื้นที่ชุมชนอื่น อาชีพรองลงมาค้าขายและรับราชการ
1. นายวาเงาะ เป็นหมอหนวดแผนโบราณอีกทั้งยังสามารถรักษาผู้ป่วยที่กระดูกหักได้อีกด้วย ท่านเป็นที่รู้จักของคนต่างพื้นที่เป็นอย่างมาก ท่านได้รับการสืบทอดการนวดแผนโบราณจากปู่ของท่านเอง
อาหาร ชุมชนตอแลมักนิยมรับประทานอาหารประเภทแกง เนื่องจากสภาพพื้นที่บริเวณนี้มีต้นมะพร้าวเป็นจำนวนมากและสามารถเห็นได้ทั่วไป เวลามีงานเทศกาลมะพร้าวเป็นส่วนประกอบหลักในการทำอาหาร เช่น แกงมัสมั่นเนื้อ ตูปะหรือขนมสามเหลี่ยม เป็นต้น
ประเทศไทยมีจังหวัดที่มีประชากรพูดภาษามลายู คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและบางอำเภอของจังหวัดสงขลา ประชากรที่นี่ส่วนใหญ่เขียนและบันทึกโดยใช้อักษรยาวี ปัจจุบันคนในชุมชนยังคงรักษาไว้ซึ่งภาษาท้องถิ่นในพื้นที่อย่างเหนียวแน่น พื้นที่ชุมชนตอแลส่วนใหญ่จะสื่อสารภาษามลายูและเมื่ออยู่ในสถานที่ราชการการสื่อสารจะใช้เป็นภาษาไทย
การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ การสร้างบ้านเรือนที่มีความทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับอิทธิพลทางการศึกษาสมัยใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิม
ความท้าทายของชุมชนบ้านตอแลเผชิญปัญหากับความท้าทายเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดที่ระบาดในเยาวชนแต่ด้วยความตระหนักของผู้นำได้เข้ามาจัดการแก้ปัญหาการระบาดเหล่านี้ให้ลดลงเป็นอย่างมาก
ในชุมชนมีจุดน่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ โรงจำหน่ายเหล็ก
ซูไรดา เจะนิ. (2559). การศึกษาภูมินามของหมู่บ้านในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา. ทุนอุดหนุนจากงบประมาณการศึกษาประจำปี 2559.มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา.
กรมการปกครอง. (2565). ระบบสถิติทางการทะเบียน จำนวนประชากร. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/