ป่าอุดมสมบูรณ์
มาจากเรื่องเล่านักเดินทางที่ได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือ จึงเรียกหมู่บ้านแห่งนี้ว่า "จาลงฮีเล" คำว่า "จาลง" เป็นภาษามลายูท้องถิ่นเรียกว่า ทาง ส่วนคำว่า "ฮีเล" หมายถึง ทิศเหนือ
ป่าอุดมสมบูรณ์
การตั้งชื่อชุมชนแห่งนี้ชาวบ้านเล่าว่า คำว่า "จาลง" เป็นภาษามลายูท้องถิ่นเรียกว่า ทาง ส่วนคำว่า "ฮีเล" หมายถึง ทิศเหนือ เล่ากันว่ามีนักเดินทางสองคน เดินทางเข้าสู่ในป่า ในขณะที่กำลังเดินเข้าสู่ป่าทั้งคู่ได้เห็นทางสองทาง ทางแรกถนนโล่งเดินค่อนข้างสะดวก ส่วนทางที่สองทางเดินค่อนข้างเป็นป่าทึบทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจเดินทางแรกเพราะสภาพทางเดินค่อนข้างสะดวกซึ่งทางเดินทางแรกมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือ จึงเรียกหมู่บ้านแห่งนี้ว่า "จาลงฮีเล"
บ้านยาลงฮีเลอยู่ห่างจากตัวอำเภอรามันประมาณ 11 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 24 กิโลเมตร การเดินทางมายังชุมชนบ้านยาลงฮีเล สามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลและรถสาธารณะ
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านมะดือลง หมู่ที่ 2 ตำบลโกตาบารู อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านปาฆากูแว หมู่ที่ 4 ตำบลโกตาบารู อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านปาแย หมู่ที่ 2 ตำบลยะต๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ เขามะดือลง
สภาพพื้นที่กายภาพ
สภาพทั่วไปของชุมชนยาลงฮีเลมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำนาและมีบางส่วนทำการเพาะปลูกต้นทุเรียน และยางพารา ลักษณะพื้นที่สามารถแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนด้านในจะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในพื้นที่อาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น และพื้นที่บางส่วนเป็นทุ่งนา ส่วนพื้นที่ด้านนอกจะติดถนนใหญ่เป็นทางผ่านสู่ชุมชนอื่นจะมีบ้านเรือนเป็นบางส่วนและพื้นที่เพาะปลูกทางเกษตร
จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนบ้านยาลงฮีเล จำนวน 159 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 683 คน แบ่งประชากรชาย 325 คน หญิง 358 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู คนในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน
มลายูผู้คนในชุนชนยาลงฮีเลมีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ
กลุ่มแม่บ้าน เป็นกลุ่มที่จัดตั้งเพื่อเป็นแหล่งทุนช่วยเหลือสตรีในชุมชนให้มีความเข้มแข็งและเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ผ่านการจัดทำขนมพื้นบ้านเพื่อจำหน่ายในชุมชนหรือนอกชุมชน
ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ ยางพารา ทุเรียน รองลงมาประกอบอาชีพค้าขายและรับราชการ
ในรอบปีของผู้คนบ้านยาลงฮีเลมีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น ดังต่อไปนี้
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
- งานเมาลิดนบี เป็นวันแห่งการยกย่องวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) คำว่า "เมาลิด" เป็นภาษาอาหรับแปลว่า เกิด, ที่เกิด หรือวันเกิด ซึ่งหมายถึงวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ตรงกับวันที่ 12 เดือนรอบือุลเอาวัล หรือเดือนที่ 3 ตามปฏิทินอิสลาม ชุมชนบ้านยาลงฮีเลจะจัดงานเมาลิดตามบ้านแต่ละหลังโดยผลัดเวียนตามเวรที่ได้รับมอบหมายจากผู้นำในพื้นที่ กิจกรรมในงานเมาลิดได้แก่ การอัญเชิญคัมภีร์อัล-กุรอาน การกล่าวสรรเสริญ อ่านซางี เพื่อระลึกถึงท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่ไปร่วมงานด้วย
- วันรายอแนหรือรายอหก ความหมายรายอแน คือ คำว่า "รายอ" ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า "แน" คือ หก ในทางปฏิบัติ เมื่อถึงวันตรุษอีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องจนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอด คนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองวันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน
- กิจกรรมฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฎิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือน ซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการมีการกินเลี้ยงร่วมรับประทนอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน
- วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า "วันรายอปอซอ" เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือศีลอดมาตลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย "ซะกาตฟิตเราะฮ์"
- วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย มีการทำกุรบานหรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การถือศีลอด เป็นหลักปฎิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่างที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด ซึ่งเป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า "ละหมาดตะรอเวียะห์"
- การละหมาด เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิม ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา
- การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับ ให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้งชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไรต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การเข้าสุนัต เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่าเป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บางพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ โดยมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ
การประกอบอาชีพของประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพทำสวน เช่น ปลูกยางพารา ทุเรียน ลองกอง รองลงมาประกอบอาชีพทำสวน
1. นางแมะวอ เป็นหมอหนวดแพทย์แผนโบราณประจำถิ่นยาลงฮีเลโดยได้รับความรู้จากรุ่นทวดของท่าน
ทุนวัฒนธรรม มัสยิดยาลงฮีเลเป็นสถานที่รวมความเป็นหนึ่งในชุมชนเพราะทุกกิจกรรมที่เกี่ยวกับชุมชนจะใช้มัสยิดพื้นที่หลักในการจัดกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นงานบรรยาย ปัญหาการพิพาทในชุมชน การช่วยเหลือแจกจ่ายถุงยังชีพ เป็นต้น
ประเทศไทยมีจังหวัดที่มีประชากรพูดภาษามลายู คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและบางอำเภอของจังหวัดสงขลา ประชากรที่นี่ส่วนใหญ่เขียนและบันทึกโดยใช้อักษรยาวี ปัจจุบันคนในชุมชนยังคงรักษาไว้ซึ่งภาษาท้องถิ่นในพื้นที่อย่างเหนียวแน่น พื้นที่ชุมชนยาลงฮีเลส่วนใหญ่จะสื่อสารภาษามลายูเป็นหลักและเมื่ออยู่ในส่วนราชการจะใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร
การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัยปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ การสร้างบ้านเรือนที่มีความทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับอิทธิพลทางการศึกษาสมัยใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิม การมีส่วนร่วมของผู้นำในพื้นที่ในการจัดการปัญหายาเสพติดในชุมชนที่มีการระบาดทำให้การระบาดลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในชุมชนมีจุดน่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ ร้านปะดอโภชณา
ซูไรดา เจะนิ. (2559). การศึกษาภูมินามของหมู่บ้านในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา. ทุนอุดหนุนจากงบประมาณการศึกษาประจำปี 2559.มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา.
กรมการปกครอง. (2565). ระบบสถิติทางการทะเบียน จำนวนประชากร. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/