Advance search

บ้านขี้เหล็กใหญ่เป็น "บ้านเจ้าบ้านนาย" เป็นหมู่บ้านที่มีการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี อันดีงามไว้มากมาย อีกทั้งผู้คนในชุมชนมีความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีระเบียบวินัยในการทำงานและใช้ชีวิต 

หมู่ที่ 2
ขี้เหล็กใหญ่
รอบเมือง
เมืองชัยภูมิ
ชัยภูมิ
อบต.รอบเมือง โทร. 0-4481-7145
สุพิชญา สุขเสมอ
28 เม.ย. 2023
สุพิชญา สุขเสมอ
28 เม.ย. 2023
บ้านขี้เหล็กใหญ่

ชื่อของชุมชน "บ้านขี้เหล็กใหญ่" มีความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับการเป็นกองกำลังสำคัญของเจ้าพ่อพระยาแล จึงมีการหลอมและตีเหล็กเพื่อใช้ทำดาบและอุปกรณ์ในการทำศึก ทำให้มีเศษเหล็กมาก จึงเรียกว่า "บ้านขี้เหล็ก"


บ้านขี้เหล็กใหญ่เป็น "บ้านเจ้าบ้านนาย" เป็นหมู่บ้านที่มีการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี อันดีงามไว้มากมาย อีกทั้งผู้คนในชุมชนมีความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีระเบียบวินัยในการทำงานและใช้ชีวิต 

ขี้เหล็กใหญ่
หมู่ที่ 2
รอบเมือง
เมืองชัยภูมิ
ชัยภูมิ
36000
15.788661
102.002718
องค์การบริหารส่วนตำบลรอบเมือง

บ้านขี้เหล็กใหญ่มีการก่อตั้งบ้านเรือนยุคสมัยใด ไม่สามารถระบุได้ชัดเจน แต่สามารถสรุปในเบื้องต้นได้ว่า บ้านขี้เหล็กใหญ่มีการตั้งบ้านเรือนก่อนที่เจ้าพ่อพระยาแลจะอพยพมาอยู่ที่โนนน้ำอ้อม บ้านขี้เหล็กใหญ่เป็นหมู่บ้านที่มีผู้คนอยู่แล้วพอสมควร ซึ่งสังเกตได้จากผังเครือญาติและเรื่องเล่าที่ถ่ายทอดกันภายในของหลาย ๆ ตระกูล โดยเฉพาะคำบอกเล่าของลูกหลานตระกูลดิเรกโภค ที่รวบรวมคำบอกเล่าของย่าดี ดิเรกโภค ภรรยาของปู่หมา ดิเรกโภค ซึ่งปู่หมาเสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ.2504 และจากหลักฐานทะเบียนบ้าน พ.ศ. 2499 ระบุว่า ปู่หมา ดิเรกโภค เกิด พ.ศ.2423 ครั้งเมื่อปู่หมาเป็นเด็กประมาณ 11-12 ปี เคยปรนนิบัติหลวงปู่ไก่ซึ่งชราภาพมากแล้ว อายุประมาณ 80 ปี หลวงปู่ไก่น่าเกิดจะช่วง พ.ศ. 23502354 โดยประมาณ และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่เจ้าพ่อพระยาแลเป็น "พระภักดีชุมพลปกครองเมืองไชยภูมิ์" จะอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2360-2369 ซึ่งตรงกับคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า หลวงปู่เผือก เป็นคนยุคเจ้าพ่อพระยาแลมาจากเวียงจันทน์พร้อมเจ้าพ่อพระยาแล ซึ่งหลวงปู่เผือกเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านขี้เหล็กใหญ่ต่อจากหลวงปู่ไก่ ที่คนบ้านขี้เหล็กใหญ่หลายคนเชื่อว่า หลวงปู่ไก่เป็นคนตั้งบ้านขี้เหล็กใหญ่ หากลองเทียบช่วงเวลาแล้วจะพบว่า หลวงปู่ไก่น่าจะอยู่บ้านขี้เหล็กใหญ่มาก่อนหน้า

บ้านขี้เหล็กใหญ่ตั้งอยู่ก่อนหน้าที่เจ้าพ่อพระยาแลจะมาตั้งถิ่นฐานที่โนนน้ำอ้อม การเกิดขึ้นของบ้านขี้เหล็กใหญ่ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ระบุการตั้งถิ่นฐานที่ชัดเจนมากไปกว่าคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่และจากจดหมายเหตุ เรื่อง มณฑลนครราชสีมา ซึ่งเรื่องราวในจดหมายเหตุสอดคล้องกับหลักฐานโบราณคดีของเมืองหามหอก ที่มีโครงสร้างเมืองโบราณแบบทวาราวดี แต่ถูกตีแตกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และสำเนียงภาษาพูดของคนขี้เหล็กใหญ่ที่ภาษาลาวจะคล้ายคลึงกับสำเนียงของลาวเวียงที่พูดกันมากแถบเวียงจันทน์และหนองคาย อาจจะยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ในบ้านขี้เหล็กใหญ่ที่จะบ่งชี้ของความเป็นลาวเวียงที่ชัดเจนเท่ากับภาษาพูดและเครื่องแต่งกาย เพราะการอพยพของชาติพันธุ์ลาวมายังดินแดนสยามที่รวมภาคอีสานปัจจุบัน มีการอพยพมาหลายครั้งตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีที่พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงครองราชย์ เริ่มมีการอพยพของกลุ่มลาวเวียงมาพักอาศัยแถบชัยภูมิ นครราชสีมา สระบุรี 

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ปัจจุบันชาวบ้านในชุมชนหมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่มีประชากรรวมทั้งหมด 1,548 คน เพศชายจำนวน 722 คน เพศหญิงจำนวน 826 คน และมีจำนวนบ้านทั้งหมด 1,021 ครัวเรือน

ในอดีตชุมชนบ้านขี้เหล็กใหญ่น่าจะเป็นชุมทางของการเดินทาง ร่องรอยของผู้คนหลายกลุ่มที่ต้องเดินทางไปเมืองล่าง (ซึ่งหมายถึง ภาคกลางบริเวณอยุธยา กรุงเทพฯ) โดยมีข้อสังเกตจากมีหลายตระกูลที่มีเชื้อสายผสมผสานจากชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่มิได้เป็นคนดั้งเดิม คือ กลุ่มลาวเวียง แต่มีการผสมผสานแต่งงานระหว่างชาติพันธุ์อื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น การสืบสายสาแหรกของตระกูลทิพยรักษ์ เชื่อว่าเป็นลูกหลานของ จ่าลู ซึ่งเป็นทหารเอกของเจ้าพ่อพระยาแล (ในสมัยรัชกาลที่ 3) ก็เป็นข้อสันนิษฐานได้ว่า ชุมชนบ้านขี้เหล็กใหญ่อาจจะเป็นชุมชนของกลุ่มลาวเวียงเดิมมาก่อนหน้าแล้ว และเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของการเดินทางหรือที่พักผู้มีอิทธิพลเดิมในอดีต นอกจากนี้บ้านขี้เหล็กใหญ่อาจจะเป็นสถานที่พักของผู้คนที่เดินทางค้าขายเดิม โดยมีข้อสังเกตได้จากลูกหลานของพ่อใหญ่จันทร์ใหญ่ที่มีเชื้อสายของกุลาขาว และมีหลายครัวเรือนที่ยึดอาชีพเป็นนายฮ้อยค้าวัว ควาย ไปขายในเมืองล่าง เช่น ปู่มี ตั้งใจ

การสืบผังเครือญาติ พบว่า ลูกหลานที่มีปู่ย่า ตายาย เป็นนายฮ้อย จะมีชื่อแปลก ทันสมัย และไพเราะเพราะคนที่เดินทางบ่อยมักจะหูตากว้าง พบปะผู้คนมากหน้าหลายตา ทำให้มีการแต่งงานกับคนภายนอกชุมชนมากกว่าบ้านหรือครัวเรือนที่ไม่ค่อยได้เดินทาง คนที่เดินทางบ่อยพบปะผู้คนมาก จึงเห็นความสำคัญของการศึกษา เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ในสังคม จากการสืบผังเครือญาติของครูกัลยา จงกลนี ทำให้เห็นผังเครือญาติของครูใหญ่คนแรกของโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล (นาย พรหมา สิริพรหมา) ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดชัยภูมิ ในอดีตนั้นได้รับพระราชทานนามสกุลจากรัชกาลที่ 6 คนในบ้านขี้เหล็กใหญ่จึงนิยมส่งลูกหลานให้เรียนหนังสือเพราะหลายครัวเรือน เป็นครู เป็นข้าราชการมาตั้งแต่อดีต จนกลายเป็นค่านิยมของคนในหมู่บ้านที่ชอบส่งเสียให้ลูกหลานได้เรียนหนังสือ และถ้าถามคนชัยภูมิถึงบ้านขี้เหล็กใหญ่ทุกคนก็จะบอกว่า “บ้านเจ้า บ้านนาย” แต่ถ้าเราเห็นเส้นทางการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของชุมชนในอดีตแล้วจะไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมคนบ้านขี้เหล็กใหญ่นิยมส่งเสียลูกหลานให้เรียนหนังสือ เพราะการศึกษาคือ โอกาสของการค้า การทำมาหากิน และการเรียนรู้วิทยาการต่าง ๆ จากสังคมภายนอก

ลาวเวียง
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ผู้คนในบ้านขี้เหล็กใหญ่มีความผูกพันกับความเป็นชุมชนและจะมีการจัดกิจกรรมร่วมกับวัดเป็นประจำ เช่น การทำเทียนในวันเข้าพรรษา การจัดงานลอยกระทง การทำบุญต่างๆ ตามประเพณีตลอด 12 เดือน

  • เดือนอ้าย หรือเดือนเจียง : งานบุญเข้ากรรม ทำลานตี(ลานนวดข้าว) ทำปลาแดก (ทำปลาร้าไว้เป็นอาหาร)เกี่ยวข้าวในนา เล่นว่าว ชักว่าวสนู นิมนต์พระสงฆ์เข้าประวาสกรรมตามประเพณีนั้นมีการทำบุญทางศาสนาเพื่ออานิสงส์ทดแทนบุญคุณต่อบรรพบุรุษ ชาวบ้านเลี้ยงผีแถน ผีบรรพบุรุษ มีการตระเตรียมเก็บสะสมข้าวปลาอาหารไว้กินในยามแล้ง

  • เดือนยี่ : งานบุญคูนลาน ทำบุญที่วัด พระสงฆ์เทศน์เรื่องแม่โพสพ ทำพิธีปลงข้าวในลอมและฟาดข้าวในลานขนข้าวเปลือกขึ้นเล้า (ยุ้งฉาง) นับเป็นความเชื่อในการบำรุงขวัญและสิริมงคลทางเกษตรกรรม มีทั้งทำบุญที่วัดและบางครั้งทำบุญที่ลานนวดข้าว เมื่อขนข้าวใส่ยังแล้วมักไปทำบุญที่วัด

  • เดือนสาม : บุญข้าวจี่ มีพิธีเลี้ยงผีตาแฮก (พระภูมินา) เพราะขนข้าวขึ้นยุ้งแล้ว งานเอิ้นขวัญข้าวหรือกู่ขวัญข้าวเพ็ญเดือนสามทำบุญข้าวจี่ ตามประเพณีหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวใส่ยุ้งแล้ว มีการทำบุญเซ่นสรวงบูชาเจ้าที่นาซึ่งชาวอีสานเรียกว่าตาแฮก และทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้ผีปู่ย่าตายาย อันเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยการทำข้าวจี่ (ข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนสอดไส้น้ำตาลหรือน้ำอ้อยชุบไข่ปิ้งจนเหลือง) นำไปถวายพระพร้อมอาหารคาวหวานอื่นๆ
  • เดือนสี่ : บุญพระเวส (ฟังเทศน์มหาชาติ ทำบุญแจกข้าวอุทิศให้ผู้ตาย ประเพณีเทศน์มหาชาติเหมือนกับประเพณีภาคอื่นๆ ด้วย เป็นงานบุญทางพุทธศาสนาที่ถือปฏิบัติทำบุญถวายภัตตาหารแล้วตอนบ่ายฟังเทศน์ เรื่องเวสสันดรชาดก
  • เดือนห้า : บุญสรงน้ำ หรือบุญสงกรานต์ มีการทำบุญถวายภัตตาหารคาวหวาน หรือถวายจังหันเช้า-เพลตลอดเทศกาล ตอนบ่ายมีสรงน้ำพระที่บ้านขี้เหล็กใหญ่จะแตกต่างจากหมู่บ้านอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะนำพระพุทธรูปหรือประธานฐานแห่รดน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ประเพณีสรงน้ำพระบ้านขี้เหล็กใหญ่จะนิมนต์พระสงฆ์ขึ้นรถปิคอัพ (สมัยก่อนจะใช้เกวียนเพราะยังไม่มีรถ)
  • เดือนหก : บุญบั้งไฟ บางแห่งเรียก บุญวิสาขบูชา มีงานบุญบั้งไฟ (บุญขอฝน) ในวันเพ็ญเดือนหก เกือบตลอดเดือนหกนี้ ถือเป็นการทำบุญบูชาแถน (เทวดา) เพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลและความอุดมสมบูรณ์ของข้าวปลาอาหารในปีต่อไป ครั้นวันเพ็ญเดือนหกเป็นงานบุญวิสาขบูชาประเพณีสำคัญทางพุทธศาสนา มีการทำบุญฟังเทศน์และเวียนเทียนเพื่อผลแห่งอานิสงส์ในภพหน้า

  • เดือนเจ็ด : บุญชำฮะ มีพิธีเลี้ยงตาแฮก ศาลปู่ตา เสาหลักเมือง งานบุญเบิกบ้านเบิกเมือง ด้วยคติความเชื่อหลังจากหว่านข้าวกล้าดำนาเสร็จ มีการทำพิธีเซ่นสรวงเจ้าที่นา เพื่อความเป็นสิริมงคลให้ข้าวกล้าในนางอกงาม บ้านที่กุลบุตรมีงานอุปสมบททดแทนบุญคุณบิดามารดาและเตรียมเข้ากรรมในพรรษา
  • เดือนแปด : งานบุญเข้าพรรษา มีพิธีหล่อเทียนพรรษางานบุญเทศกาลเข้าพรรษาแต่ละหมู่บ้านช่วยกันหล่อเทียนพรรษา ประดับให้สวยงาม จัดขบวนแห่เพื่อนำไปถวายเป็นพุทธบูชา มีการทำบุญถวายภัตตาหารเครื่องไทยทานและผ้าอาบน้ำฝนเพื่อพระสงฆ์จะได้นำไปใช้ตลอดเทศกาลเข้าพรรษา
  • เดือนเก้า : บุญข้าวประดับดิน จัดงานวันแรม 14 ค่ำ เดือน 9 นับแต่เช้ามืด ชาวบ้านจัดอาหารคาวหวานหมากพลูบุหรี่ใส่กระทงเล็กๆ นำไปวางไว้ตามลานบ้าน ใต้ต้นไม้ ข้างพระอุโบสถ เพื่อเป็นการให้ทานแก่เปรตหรือวิญญาณที่ตกทุกข์ได้ยาก ตอนสายมีการทำบุญที่วัด ฟังเทศน์เป็นอานิสงส์
  • เดือนสิบ : บุญข้าวสาก ข้าวสากหมายถึงการกวนกระยาสารท คล้ายงานบุญสลากภัตในภาคกลาง จัดงานวันเพ็ญเดือน 10 นำสำรับคาวหวานพร้อมกับข้าวสาก(กระยาสารท) ไปทำบุญที่วัดถวายผ้าอาบน้ำฝนและเครื่องไทยทาน
  • เดือนสิบเอ็ด : บุญไต่น้ำมันหรืองานบุญออกพรรษา มีพิธีถวายผ้าห่มหนาวในวันเพ็ญ มีงานบุญตักบาตรเทโวพิธีกวนข้าวทิพย์ พิธีลอยเรือไฟนับเป็นช่วงที่จัดงานใหญ่กันเกือบตลอดเดือน นับแต่วันเพ็ญ มีการถวายผ้าห่มหนาวแต่พระพุทธพระสงฆ์ วันแรม 1 ค่ำ งานบุญตักบาตรเทโว ตอนเย็นวันขึ้น 14 ค่ำ มีพิธีกวนข้าวทิพย์ มีทั้งงานบุญกุศลและสนุกสนานรื่นเริง
  • เดือนสิบสอง : บุญกฐิน ทำบุญข้าวเม่าพิธีถวายกฐินเมื่อถึงวันเพ็ญจัดทำข้าวเม่า (ข้าวใหม่) นำไปถวายพระพร้อมสำรับคาวหวานขึ้น ตอนบ่ายฟังเทศน์เป็นอานิสงส์จัดพิธีทอดกฐินตามวัดที่จองกฐินไว้ งานบุญในฮีตสิบสองนั้น ตามหมู่ที่เคร่งประเพณียังคงจัดกันอย่างครบถ้วนบางแห่งจัดเฉพาะงานบุญใหญ่ๆ ตามแต่คณะกรรมการหมู่บ้านร่วมกันจัด

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ทุนทางวัฒนธรรม

บ้านขี้เหล็กใหญ่มีวัฒนธรรมดนตรีที่หลากหลายและน่าสนใจมาก คือ การเดาะกลอง ที่อดีตจะเป็นการเดาะกลองเช้า กลองแลง และกลองแห่ ท้วงจังหวะทำนองของการเดาะจะแตกต่างกัน เสียงเดาะกลองและลีลาของผู้เดาะกลองจะมีท่าทีที่แตกต่างกันตามประสบการณ์ แต่ปัจจุบันผู้ที่เดาะกลองได้ของหมู่บ้านเหลือเพียง 3 คน เท่านั้น นอกจากการเดาะกลองแล้ว บ้านขี้เหล็กใหญ่เป็นสังคมการร้องรำทำเพลงที่น่าสนใจหากแต่หลายสิ่งหลายอย่าง กำลังจะเลือนหายไม่มีการรักษาและสร้างกระบวนการให้เกิดการคงอยู่ได้นั้น ในอนาคตอาจจะหลงเหลือเพียงเรื่องเล่าที่ไม่สามารถถ่ายทอดให้กับลูกหลานได้สืบต่อวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า

นอกจากนี้ยังมี เจ้ยบั้งไฟ ซึ่งเป็นการเซิ้งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเจ้ยบั้งไฟขี้เหล็กใหญ่ ชัยภูมิ จะแตกต่างจากการเซิ้งบั้งไฟบ้านอื่น ๆ ในภาคอีสาน ทั้งชุดเสื้อผ้า เล็บฟ้อนและหมวก ความสำคัญกับชุดและเครื่องแต่งกายของแม่ ๆ กลุ่มเจ้ยบั้งไฟ "ใส่เสื้อแขนกระบอกย้อมคราม สวมชื่นไหมน้อยแบบต่อตีน มีลายขิต" สะท้อนการแต่งกายระหว่างชาติพันธุ์กลุ่มลาวเวียงหรือลาวหลวงพระบาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้นักวิชาการยังสงสัยกันอยู่ ในอีกหลาย ๆ ประเด็นที่ยังสงสัยอยู่ของการเจ้ยบั้งไฟที่บ้านขี้เหล็กใหญ่ ชัยภูมิ เพราะการเซิ้งบั้งไฟของจังหวัดอื่น ๆ ในภาคอีสานหรือหมู่บ้านอื่นในจังหวัดชัยภูมิจะไม่สวมเล็บ แต่การร่ายรำที่ใส่เล็บฟ้อนจะคล้ายคลึงกับการฟ้อนรำของล้านนาหรือล้านช้างในอดีต ความน่าสนใจของเล็บที่ใช้ฟ้อนแบบในอดีตจะสานจากไม้ไผ่เป็นนิ้วยาว ปัจจุบันเหลือคนถักเล็บของการเจ้ยบั้งไฟได้คนเดียว คือ พ่อใหญ่สงคราม ก้อนมณี

ชาวบ้านขี้เหล็กใหญ่ มีการใช้ภาษาลาวขี้เหล็กใหญ่ ซึ่งมีความน่าสนใจไม่น้อยทั้งสำเนียงและคำพูด เช่น คำว่า เด๊ะ หรือ อ๊ะเด๊ะที่เป็นคำอุทานหรือคำสร้อยก็ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน เป็นคำที่ไม่มีความหมายในพจนานุกรมภาษาไทยและลาว สำเนียงการพูดของชาวบ้านขี้เหล็กใหญ่จะคล้ายกับภาษาลาวแถบจังหวัดหนองคายและเมืองเวียงจันทร์ ประเทศลาว 

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (ม.ป.ป.). บ้านขี้เหล็กใหญ่ จ.ชัยภูมิ. จาก คลังข้อมูลชุมชน https://communityarchive.sac.or.th/ 

นันทวรรณ เหล่าฤทธิ์. (2557). ากบรรพชนถึงลูกหลานขี้เหล็กใหญ่ ชัยภูมิกรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. ค้นคืนเมื่อ 28 เมษายน 2566, จาก ฐานข้อมูลงานวิจัย ศมส.: https://www.sac.or.th/databases/sac_research/

อบต.รอบเมือง โทร. 0-4481-7145