Advance search

ลาแอ

ท่าเรือเก่าในอดีต

หมู่ที่ 5
บ้านละแอ
บาลอ
รามัน
ยะลา
เทศบาลบาลอ โทร. 0-7329-9523
อับดุลเลาะ รือสะ
19 ก.พ. 2023
นิรัชรา ลิลละฮ์กุล
26 มี.ค. 2023
อับดุลเลาะ รือสะ
28 เม.ย. 2023
บ้านละแอ
ลาแอ

"ละแอ" ในภาษาไทยแปลว่า ในน้ำ ซึ่งในที่นี้หมายความว่า ในหมู่บ้านแห่งนี้จะมีน้ำท่วมไหลผ่านหมู่บ้านทุกปี


ชุมชนชนบท

ท่าเรือเก่าในอดีต

บ้านละแอ
หมู่ที่ 5
บาลอ
รามัน
ยะลา
95140
6.45275695426087
101.460061222314
องค์การบริหารส่วนตำบลบาลอ

ความเป็นมาของหมู่บ้านละแอมีผู้เล่าต่อกันมาหลายช่วงอายุคนว่า ละแอ ในภาษาไทยแปลว่า ในน้ำ ซึ่งในที่นี้หมายความว่าในหมู่บ้านแห่งนี้จะมีน้ำท่วมไหลผ่านหมู่บ้านทุกปีเพราะหมู่บ้านแห่งนี้เป็นพื้นที่ราบลุ่มและอยู่ติดกับแม่น้ำสายบุรี เมื่อถึงฤดูฝนน้ำจะท่วมในหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงต้องอพยพสิ่งของที่จำเป็นและสัตว์เลี้ยงไปใว้ที่สูง ชาวบ้านจึงเรียกว่า ละแอ จนมาถึงทุกวันนี้ หมู่บ้านละแอเริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2295 หรือประมาณ 250 ปีมาแล้ว คนกลุ่มแรกที่เข้ามาก่อตั้งหมู่บ้านแห่งนี้มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มชาแมหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า โต๊ะชาแม ซึ่งมีลูกอยู่ 4 คน และคนกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มเปาะเซ็ง

บ้านละแอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอรามัน ประมาณ 6 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 27 กิโลเมตร การเดินทางมายังชุมชนบ้านละแอสามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล และรถสาธารณะ

อาณาเขตติดต่อ

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลสาวอ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านบือแนนากอ หมู่ที่ 3 ตำบลบาลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลบ้านเรียงสา อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านปาโฮ๊ะ หมู่ที่ 2 ตำบลบาลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา

สภาพพื้นที่กายภาพ

สภาพทั่วไปของบ้านละแอเป็นพื้นที่ราบลุ่มติดกับแม่น้ำสายบุรี ในสมัยก่อนหมู่บ้านแห่งนี้มีสภาพเป็นป่าทึบมีสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด เช่น ช้างป่า เสือ ไก่ป่า เป็นต้น ในอดีตหมู่บ้านละแอไม่มีถนนหนทาง การเดินทางติดต่อไปมาระหว่างหมู่บ้านใกล้เคียงมีความลำบาก แต่ปัจจุบันสภาพป่าถูกเปลี่ยนเป็นบ้านเรือนมีถนนหนทางทำให้การสัญจรไปมาสะดวกยิ่งขึ้น พื้นที่ชุมชนละแอสามารถแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนพื้นที่ด้านในจะติดกับแม่น้ำสายบุรีมีถนนเลียบคลองยาวไปถึงริมแม่น้ำ เป็นพื้นที่อยู่อาศัยของคนในชุมชนตั้งแต่ดั้งเดิม ชาวบ้านกล่าวว่าพื้นที่แห่งนี้มีท่าเรือขนส่งขนาดใหญ่ขนสินค้าไปมาระหว่างคนในพื้นที่และคนต่างพื้นที่ ส่วนด้านนอกเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนและจะมีพื้นที่เพาะปลูกการเกษตร เช่น ยางพารา ทุเรียน ลองกอง

จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนบ้านละแอ จำนวน 84 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 474 คน แบ่งประชากรชาย 232 คน หญิง 242 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู คนในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน

มลายู

ผู้คนในชุนชนละแอมีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ

  • กลุ่มแม่บ้าน เป็นกลุ่มที่จัดตั้งเพื่อเป็นแหล่งทุนช่วยเหลือสตรีในชุมชนให้มีความเข้มแข็งและเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ผ่านการจัดทำขนมพื้นบ้านเพื่อจำหน่ายในชุมชนหรือนอกชุมชน
  • กลุ่มเลี้ยงปลาปลาทับทิม เป็นกลุ่มที่จัดตั้งโดยสมาชิกในหมู่บ้านที่เห็นว่าหมู่บ้านมีแม่น้ำสายบุรีเป็นทุนของชุมชนเลยได้รวมตัวซื้อปลามาเลี้ยงในกระชังที่ริมแม่น้ำสายบุรี

ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร ปลูกต้นยาง ทุเรียน ลองกอง และรับราชการ 

ในรอบปีของผู้คนบ้านละแอมีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้

วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม

  • งานเมาลิดนบี เป็นวันแห่งการยกย่องวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) คำว่า "เมาลิด" เป็นภาษาอาหรับแปลว่า เกิด, ที่เกิด หรือวันเกิด ซึ่งหมายถึงวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ตรงกับวันที่ 12 เดือนรอบือุลเอาวัล หรือเดือนที่ 3 ตามปฏิทินอิสลาม ชุมชนบ้านละแอจะจัดงานเมาลิดตามบ้านแต่ละหลังโดยผลัดเวียนตามเวรที่ได้รับมอบหมายจากผู้นำในพื้นที่ กิจกรรมในงานเมาลิด ได้แก่ การอัญเชิญคัมภีร์อัล-กุรอาน การกล่าวสรรเสริญ อ่านซางี เพื่อระลึกถึงท่านนบีมูฮัหมัด (ซ.ล.) นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่ไปร่วมงานด้วย

  • วันรายอแนหรือรายอหก คำว่า "รายอ" ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า "แน" คือ หก ในทางปฏิบัติ เมื่อถึงวันตรุษอีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องจนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอด คนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองวันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน

  • กิจกรรมฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฎิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือน ซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการ มีการกินเลี้ยงร่วมรับประทานอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน

  • วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า วันรายอปอซอเพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือศีลอดมาตลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย ซะกาตฟิตเราะฮ์

  • วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมีการทำกุรบานหรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม

  • การถือศีลอด เป็นหลักปฎิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอด ในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่างที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่ประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด ซึ่งเป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า ละหมาดตะรอเวียะห์

  • การละหมาด เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิม ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา

  • การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับ ให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้งชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไรต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม

  • การเข้าสุนัต เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่าเป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บางพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ จะมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

  • ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมไว้น้อยลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน จึงกลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ

คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดขึ้นในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน

วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพของประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก เช่น ปลูกยางพารา ทุเรียน ลองกอง และรับราชการ

1. นางมะหามัดอัสรี แลมะ  ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ที่ชาวบ้านเคารพนับถือเนื่องจากมีความจิตอาสาช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ อีกทั้งท่านยังมีแนวคิดพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งอีกด้วย

อาหาร วิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนละแอที่มีแม่น้ำสายบุรีเป็นทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีมาช้านาน ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นวิธีชีวิตของคนลุ่มน้ำแม่สายบุรี ในสมัยก่อนพื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งจับปลาที่สำคัญของพื้นที่ ปลาที่ได้ชาวบ้านมักจะนำมาปรุงอาหาร ทั้งแกง ต้ม หรือย่าง เป็นต้น

ภาษามลายู หรือภาษามาเลย์ เป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ซึ่งใช้ในดินแดนประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน และภาคใต้ของประเทศไทย

ประเทศไทยมีจังหวัดที่มีประชากรพูดภาษามลายู คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและบางอำเภอของจังหวัดสงขลา ประชากรที่นี่ส่วนใหญ่เขียนและบันทึกโดยใช้อักษรยาวี ปัจจุบันคนในชุมชนยังคงรักษาไว้ซึ่งภาษาท้องถิ่นในพื้นที่อย่างเหนียวแน่น การสื่อสารในชุมชนจะใช้ภาษามลายูท้องถิ่นเป็นหลัก


การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือการสร้างบ้านเรือนที่มีความทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับอิทธิพลทางการศึกษาสมัยใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิม


ความท้าทายของชุมชนบ้านละแอเผชิญปัญหากับความท้าทายเกี่ยวกับน้ำท่วม พื้นที่ส่วนใหญ่ติดกับแม่น้ำสายบุรี ทำให้บ้านเรือนหลายหลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทุกปี แต่อย่างไรก็ตามชาวบ้านในพื้นที่มีการปรับตัวสร้างบ้านยกพื้นสูงขึ้น

ในชุมชนมีจุดน่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ แคมป์ปิงริมแม่น้ำสายบุรี

ซูไรดา เจะนิ. (2559). การศึกษาภูมินามของหมู่บ้านในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา. ทุนอุดหนุนจากงบประมาณการศึกษาประจำปี 2559.มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา.

กรมการปกครอง. (2565). ระบบสถิติทางการทะเบียน จำนวนประชากร. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/

เทศบาลบาลอ โทร. 0-7329-9523