
ชุมชนริมทางรถไฟ
คำว่า ตลาดล่าง มาจากภาษามลายูท้องถิ่นว่า กือดาบอเวาะ เป็นชื่อที่เรียกกันติดปาก ซึ่งสมัยก่อน ตลาดล่างเป็นตลาดนัดที่เจริญรุ่งเรืองมากมีทั้งพ่อค้าคนจีนที่เดินทางมาค้าขายทางเรือ ตามแม่น้ำสายบุรี แต่สภาพไม่เอื้ออำนวยเพราะเป็นที่ต่ำมีน้ำท่วมทุกปี ทำให้ต้องย้ายตลาดไปอยู่ฝังบ้านชุมชนตลาดบน ซึ่งเป็นพื้นที่สูงน้ำไม่ท่วม และเป็นตลาดมาจนถึงปัจจุบัน
ชุมชนริมทางรถไฟ
คำว่า "ตลาดล่าง" มาจากภาษามลายูท้องถิ่นว่า กือดาบอเวาะ เป็นชื่อที่เรียกกันติดปาก ซึ่งสมัยก่อนตลาดล่างเป็นตลาดนัดที่เจริญรุ่งเรืองมากมีทั้งพ่อค้าคนจีนที่เดินทางมาค้าขายทางเรือ ตามแม่น้ำสายบุรี แต่สภาพไม่เอื้ออำนวยเพราะเป็นที่ต่ำมีน้ำท่วมทุกปี ทำให้ต้องย้ายตลาดไปอยู่ฝังบ้านชุมชนตลาดบน ซึ่งเป็นพื้นที่สูงน้ำไม่ท่วมและเป็นตลาดมาจนถึงปัจจุบัน
บ้านตลาดล่างยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอรามัน ประมาณ 1.5 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 23 กิโลเมตร การเดินทางมายังชุมชนบ้านตลาดล่างสามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านพอแม็ง หมู่ที่ 4 ตำบลกายูบอเกาะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านบาลูกาปาลัส หมู่ที่ 7 ตำบลบาลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านบือแนบูเกะ หมู่ที่ 4 ตำบลตะละหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านรามัน หมู่ที่ 1 ตำบลกายูบอเกาะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
สภาพพื้นที่กายภาพ
สภาพทั่วไปของชุมชนตลาดล่างเป็นพื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ติดกับริเวณสถานีรถไฟรามัน ช่วงฤดูฝนพื้นที่ชุมชนตลาดล่างจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทุกปี พื้นที่ส่วนใหญ่สามารถแบ่งได้เป็นสองส่วน ส่วนด้านในจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคนในชุมชนที่ติดกับถนนรถไฟ ส่วนพื้นที่ด้านนอกจะเป็นร้านค้า สถานีปั้มน้ำมัน และโรงงาน
จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี พ.ศ. 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนบ้านตลาดล่าง จำนวน 369 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 1,751 คน แบ่งประชากรชาย 831 คน หญิง 914 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายูและรองลงมาเป็นชุมชนไทยพุทธ คนในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน
มลายูผู้คนในชุนชนตลาดล่างมีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ
กลุ่มแม่บ้าน เป็นกลุ่มที่จัดตั้งเพื่อเป็นแหล่งทุนช่วยเหลือสตรีในชุมชนให้มีความเข้มแข็งและเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ผ่านการจัดทำขนมพื้นบ้านเพื่อจำหน่ายในชุมชนหรือนอกชุมชน
ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับราชการ พนักงานบริษัทและค้าขาย เนื่องจากเป็นพื้นที่อยู่ในเขตเมืองรามัน
ในรอบปีของผู้คนบ้านตลาดล่างมีวิธีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิธีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
- งานเมาลิดนบี เป็นวันแห่งการยกย่องวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) คำว่า "เมาลิด" เป็นภาษาอาหรับแปลว่า เกิด, ที่เกิด หรือวันเกิด ซึ่งหมายถึงวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ตรงกับวันที่ 12 เดือนรอบือุลเอาวัล หรือเดือนที่ 3 ตามปฏิทินอิสลาม ชุมชนบ้านตลาดล่างจะจัดงานเมาลิดตามบ้านแต่ละหลังโดยผลัดเวียนตามเวรที่ได้รับมอบหมายจากผู้นำในพื้นที่ กิจกรรมในงานเมาลิดได้แก่ การอัญเชิญคัมภีร์อัล-กุรอาน การกล่าวสรรเสริญ อ่านซางี เพื่อระลึกถึงท่านนบีมูฮัหมัด (ซ.ล.) นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่ไปร่วมงานด้วย
- วันรายอแนหรือรายอหก ความหมายรายอแน คือ คำว่า "รายอ" ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า "แน" คือ หก ในทางปฏิบัติ เมื่อถึงวันตรุษอีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องจนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอดคนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองวันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน
- กิจกรรมฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฎิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือน ซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการ มีการกินเลี้ยงร่วมรับประทานอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน
- เมาลิดินนบี เป็นวันคล้ายวันประสูติของศาสดามูฮัมหมัด (ซล.) ศาสดาแห่งมนุษยชาติ ผู้ศรัทธาในศาสนาอิสลาม จะมีการรำลึกถึงคุณงามความดี หรือประวัติของท่านในอดีตกาล ในบรรยากาศแห่งความรัก และรำลึกถึงท่านอย่างแท้จริง ซึ่งจะจัดในเดือน เราะบีอุลเอาวัล ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ในปฏิทินอิสลามด
- วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า “วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือศีลอดมาตลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย “ซะกาตฟิตเราะฮ์”
- วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมีการทำกุรบาน หรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ จะตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การถือศีลอด เป็นหลักปฎิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่าง ที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด เป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า “ละหมาดตะรอเวียะห์”
- การละหมาด เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิม ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา
- การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับ ให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้งชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไรต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน จะตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การเข้าสุนัต เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่าเป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บางพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ โดยมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
- ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมใว้น้อยลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน จึงกลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ
คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน
สำหรับคนไทยพุทธจะมีกิจกรรมได้แก่
- ประเพณีชิงเปรต เป็นประเพณีเนื่องในเทศกาลวันสารทเดือนสิบของชาวภาคใต้ โดยมีความสำคัญคือ เป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณผู้ล่วงลับไปแล้ว อาหารที่ใช้ตั้งเปรต ได้แก่ ขนมลา ขนมพอง ขนมบ้า ขนมเจาะหู ขนมไข่ปลา และมีของแห้ง เช่น ข้าวสาร หอม กระเทียม พริก กะปิ น้ำตาล ปลาเค็ม กล้วย อ้อย มะพร้าว ไต้ เข็มเย็บผ้า ด้าย ธูปเทียน นำลงจัดในหม โดยเอาของแห้งดังกล่าวรองก้นและอยู่ภายใน ส่วนขนมวางไว้ชั้นนอกปิดคลุมด้วยผืนลาทำเป็นรูปเจดีย์ยอดแหลมหรือรูปอื่นแล้วแต่การประดิษฐ์ของผู้จัด หลังจากนั้นนำหมที่จัดไปที่วัด รวมกันตั้งไว้บน ร้านเปรต ซึ่งสร้างกลางวัดยอดเสาสูง หลังฉลองหมเสร็จ ประชาชนจะนำขนมอีกส่วนหนึ่งไปวางไว้ตามบริเวณวัดเรียกว่า ตั้งเปรต เมื่อตั้งขนม ผลไม้ และเงินทำบุญเสร็จแล้ว ก็จะนำสายสิญจน์ที่ได้บังสุกุลแล้วผูกกับของจุดตั้งเปรตเผื่อแผ่ส่วนกุศล เมื่อเสร็จพิธีสงฆ์จะเก็บสานสิญจน์ จากนั้นการ ชิงเปรต จะเริ่มขึ้น ทั้งผู้ใหญ่และเด็กจะวิ่งกันเข้าไปแย่งขนมกันอย่างคึกคัก ตามความเชื่อว่าของที่เหลือจากการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ถ้าใครได้ไปกินจะได้กุศลแรง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพของประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพรับราชการ ค้าขายและพนักงานบริษัท
1. นายนิแม สาเมาะ อดีตเคยเป็นพนักงานดับเพลิงและมีจิตอาสาช่วยเหลือคนในชุมชนตลาดล่างทำให้เป็นที่ยอมรับนับถือของคนในชุมชน
ทุนวัฒนธรรม
ลักษณะชุมชนที่มีความหลากหลายในพื้นที่โดยคนมลายูมีมัสยิดเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจคือ มัสยิดตลาดล่าง ส่วนคนไทยพุทธจะมีวัดเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคือ วัดสุนทรประชาราม
ประเทศไทยมีจังหวัดที่มีประชากรพูดภาษามลายู คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและบางอำเภอของจังหวัดสงขลา ประชากรที่นี่ส่วนใหญ่เขียนและบันทึกโดยใช้อักษรยาวี ปัจจุบันคนในชุมชนยังคงรักษาไว้ซึ่งภาษาท้องถิ่นในพื้นที่อย่างเหนียวแน่น พื้นที่ชุมชนตลาดล่างส่วนใหญ่จะสื่อสารภาษามลายูและเมื่ออยู่ในสถานที่ราชการการสื่อสารจะใช้เป็นภาษาไทย
การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ การสร้างบ้านเรือนที่มีความทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับอิทธิพลทางการศึกษาสมัยใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิม
ความท้าทายของชุมชนบ้านตลาดล่างเผชิญปัญหากับความท้าทายเกี่ยวกับน้ำท่วมเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นราบลุ่มทำให้น้ำท่วมได้ง่ายชุมชนแห่งนี้จึงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทุกปี แต่อย่างไรก็ตามชาวบ้านในพื้นที่มีการปรับตัวสร้างบ้านยกพื้นสูงขึ้น
ในชุมชนมีจุดน่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ สถานีรถไฟรามัน ร้านกาแฟอเมซอน ร้านก๋วยเตี๋ยวมะระ
ซูไรดา เจะนิ. (2559). การศึกษาภูมินามของหมู่บ้านในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา. ทุนอุดหนุนจาก งบประมาณการศึกษาประจำปี 2559. มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา.
กรมการปกครอง. (2565). ระบบสถิติทางการทะเบียน จำนวนประชากร. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/