ทรัพยากรธรรมชาติยังคงอุดมสมบูรณ์ องค์กรในชุมชนมีความเข้มแข็ง
พะปูเงาะเป็นชื่อต้นไม้ที่มีลักษณะเด่น กล่าวคือ มีลำต้นสูงใหญ่กว่าต้นไม้อื่น ลักษณะใบของต้นไม้ชนิดนี้จะมีการเปลี่ยนรูปโดยใบที่เพิ่งแตกยอดมานั้น ลักษณะจะเป็นใบเดี่ยวเรียวยาว แต่เมื่อใบเริ่มแข็งตัวแล้ว ใบจะเปลี่ยนรูปเป็นสามแฉกแล้วแต่ลักษณะของมัน
ทรัพยากรธรรมชาติยังคงอุดมสมบูรณ์ องค์กรในชุมชนมีความเข้มแข็ง
บ้านพะปูเงาะมีการสันนิษฐานว่าเป็นชุมชนที่ก่อตั้งมากกว่า 150 ปี จากการบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ว่า พะปูเงาะ เป็นชื่อต้นไม้ที่มีลักษณะเด่นกล่าวคือ มีลำต้นสูงใหญ่กว่าต้นไม้อื่น ลักษณะใบของต้นไม้ชนิดนี้จะมีการเปลี่ยนรูปโดยใบที่เพิ่งแตกยอดมานั้น ลักษณะเป็นใบเดี่ยวเรียวยาว แต่เมื่อใบเริ่มแข็งตัวแล้ว ใบจะเปลี่ยนรูปเป็นสามแฉกแล้วแต่ลักษณะของมัน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของลักษณะใบนั้น ภาษามลายูท้องถิ่นเรียกว่า ปูเงาะ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงรื้อถอน ต่อมาชาวบ้านได้ร่ำลือและเรียกเพี้ยนมาจนถึงปัจจุบัน ในชื่อหมู่บ้านนี้ว่า “พะปูเงาะ” จากคำบอกเล่าเพิ่มเติมของชาวบ้านว่าหมู่บ้านแห่งนี้อุดมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด และเป็นที่ป่าทึบมีสัตว์ดุร้ายต่าง ๆ นานาและเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มาก
สำหรับผู้ที่บุกเบิกหมู่บ้านแห่งนี้มีอยู่ 5 ตระกูล ซึ่งส่วนใหญ่ย้ายมาจากพื้นที่ใกล้และจากต่างประเทศ ได้แก่
- นาย ตอเฮ
- นายมิง
- นายดอเลาะ
- นาเปาะแตและภรรยา มาจากมาเลซีย
บ้านพะปูเงาะอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอรามัน ประมาณ 19 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 33 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถโดยสารสองแถวสาย ยะลา-ต้นไทร
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านเกะรอ หมู่ที่ 1 ตำบลเกะรอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านดาแลกือบง หมู่ที่ 4 ตำบลจะกว๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านกือเม็ง หมู่ที่ 2 ตำบลอาซ่อง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านพะปูเงาะ หมู่ที่ 4 ตำบลเกะรอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
สภาพพื้นที่กายภาพ
สภาพโดยทั่วไปของบ้านพะปูเงาะ มีลักษณะเป็นที่ราบสูงระหว่างลูกเนิน เหมาะที่จะปลูกยางพาราและไม้ยืนต้น
ลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื้น เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะงันออกเฉียงใต้ โดยทั่วไปแล้วพื้นที่แห่งนี้มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อนและฤดูฝน ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนสิงหาคม ส่วนฤดูฝน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนมกราคม เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นที่ราบสูงจึงไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนบ้านพะปูเงาะ จำนวน 357 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 1,410 คน แบ่งประชากรชาย 691 คน หญิง 719 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู จำนวน 1,410 คน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน
มลายูผู้คนในชุนชนบ้านพะปูเงาะ มีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ
กลุ่มแม่บ้าน เป็นกลุ่มองค์กรที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้แก่สตรีในหมู่บ้านโดยใช้เวลาว่างมารวมตัวทำอาหารพื้นบ้านแล้วนำมาขายตามร้านค้าในพื้นที่เป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้บริโภคสินค้าในพื้นที่แห่งนี้ด้วย
ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร ปลูกต้นยาง ทุเรียน ลองกอง อาชีพรองลงมา ได้แก่ รับราชการ ค้าขาย
ในรอบปีของผู้คนบ้านพะปูเงาะมีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิธีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
- งานเมาลิดนบี เป็นวันแห่งการยกย่องวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) คำว่า "เมาลิด" เป็นภาษาอาหรับแปลว่า เกิด, ที่เกิด หรือวันเกิด ซึ่งหมายถึงวันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ตรงกับวันที่ 12 เดือนรอบิอุลเอาวัล หรือเดือนที่ 3 ตามปฏิทินอิสลาม กิจกรรมในงานเมาลิดได้แก่ การอัญเชิญคัมภีร์อัล-กุรอาน การกล่าวสรรเสริญ อ่านซางี เพื่อระลึกถึงท่านนบีมูฮัหมัด (ซ.ล.) นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่ไปร่วมงานด้วย
- ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมไว้น้อยลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน จึงกลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ
คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน ชุมชนพะปูเงาะจะจัดงานอาซูรอที่มัสยิดโดยชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในพื้นที่และจะมีกลุ่มวัยรุ่นทั้งชายและหญิงมาร่วมช่วยกวนขนมอาซูรอเพราะการกวนขนมอาซูรอต้องใช้เวลานานในการกวน
- วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า “วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือศีลอดมาตลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย “ซะกาตฟิตเราะฮ์”
- วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมีการทำกุรบาน หรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ จะตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การถือศีลอด เป็นหลักปฎิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่าง ที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด เป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า “ละหมาดตะรอเวียะห์”
- การละหมาด เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิม ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา
- การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้งชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไร ต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน ตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การเข้าสุนัต เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่าเป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือ การขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บางพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ จะมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพ ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ได้แก่ สวนยางพารา สวนผลไม้ และผ้าบาติกเป็นอาชีพเสริม ทำขนมพื้นบ้านเพื่อจำหน่าย เป็นต้น
1. นายมาหะมะ อารียู ผู้เชี่ยวชาญในการนวดรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดเหมื่อยตามร่างกาย โดยได้รับการสืบทอดวิธีการนวดจากรุ่นสู่รุ่นและเป็นที่รู้จักในหมู่บ้านรวมทั้งคนต่างพื้นที่
ทุนวัฒนธรรม
การแต่งกาย ผู้ชายมุสลิมมลายูโดยส่วนใหญ่จะนุ่งโสร่ง และสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั่นหรือเสื้อโปโลแขนสั้น ถ้าผู้สูงอายุหรือผู้ใหญ่ หากอยู่บ้านบางครั้งจะนุ่งโสร่งผืนเดียวโดยไม่สวมเสื้อ เนื่องจากสภาพอากาศร้อน และอยู่ภายในบ้านของตัวเอง ส่วนสตรีมุสลิมในช่วงเวลาอยู่บ้านมักนิยมนุ่งโสร่งผ้าปาเต๊ะและเสื้อที่ตัดเย็บแขนยาว ถ้าอยู่ภายในบ้านเป็นการส่วนตัวบางครั้งจะไม่ใส่ผ้าคลุมศีรษะ แต่เมื่อออกจากบ้านจะสวมผ้าคลุมศีรษะทันที
ภาษามลายู หรือภาษามาเลย์ เป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ซึ่งใช้ในดินแดนประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน และภาคใต้ของประเทศไทย
ประเทศไทยมีจังหวัดที่มีประชากรพูดภาษามลายู คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและบางอำเภอของจังหวัดสงขลา ประชากรที่นี่ส่วนใหญ่เขียนและบันทึกโดยใช้อักษรยาวี ปัจจุบันคนในชุมชนยังคงรักษาไว้ซึ่งภาษาท้องถิ่นในพื้นที่อย่างเหนียวแน่น ชุมชนพะปูเงาะยังคงสื่อสารภาษามลายูท้องถิ่นเป็นหลัก
การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ การสร้างบ้านเรือนที่มีความทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับอิทธิพลทางการศึกษาสมัยใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิม
ด้านความท้าทายของชุมชน ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ที่ได้รับการแก้ไขโดยผู้นำในพื้นที่ทำให้การระบาดลดลงมากจากเดิม
ในชุมชนบ้านพะปูเงาะมีจุดสนใจอื่น ๆ เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวสี่แยกพะปูเงาะ
ซูไรดา เจะนิ. (2559). การศึกษาภูมินามของหมู่บ้านในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา. ทุนอุดหนุนจากงบประมาณการศึกษาประจำปี 2559. มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา.
กรมการปกครอง. (2565). ระบบสถิติทางการทะเบียน จำนวนประชากร. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th