เป็นชุมชนเก่าแก่ในเขตตลาดเก่า ซึ่งติดถนนสิโรรส (เส้นทางหลัก ยะลา-ปัตตานี)
การจัดตั้งชุมชนเริ่มจากการทําเวทีประชาคมเพื่อคัดเลือกผู้นําชุมชน และ คณะกรรมการชุมชน โดยมีมติให้ตั้งชื่อชุมชนว่า ชุมชนสันติสุข
เป็นชุมชนเก่าแก่ในเขตตลาดเก่า ซึ่งติดถนนสิโรรส (เส้นทางหลัก ยะลา-ปัตตานี)
ชุมชนสันติสุข ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครยะลา อำเภอเมืองจังหวัดยะลา ห่างจากอำเภอเมืองยะลา ไปทางทิศใต้ ระยะทาง 5 กิโลเมตร ห่างจากจังหวัดยะลา ไปทางทิศตะวันตก ระยะทาง 5 กิโลเมตร
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ชุมชนชุมชนตลาดเก่าซอย 8
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ถนนวิฑูรอุทิศ 13
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ชุมชนสามัคคี
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ถนนสิโรรส
สภาพพื้นที่กายภาพ
สภาพโดยทั่วไปชุมชนเมืองขนาดเล็กติดกับถนนใหญ่ คือ ถนนสิโรรส และพื้นที่ชุมชนบางส่วนเป็นที่ราบลุ่ม ทำให้ประสบปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงหน้าฝนในห่วงเวลาระยะสั้นๆ ลักษณะเป็นชุมชนเมืองที่มีอาคารบ้านเรือนติดกัน
จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนสันติสุข จำนวน 236 ครัวเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 1,113 คน แบ่งประชากรชาย 524 คน และหญิง 589 คน เป็นชุมชนมุสลิมมลายู โดยสมาชิกในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน
มลายูองค์กรชุมชนและกลุ่มอาชีพ มีจำนวน 2 กลุ่ม ดังนี้
- ชมรมผู้สูงอายุในชุมชนสันติสุข เป็นการรวมตัวของผู้สูงอายุในชุมชน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสวัสดิภาพผู้สูงอายุให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมีนายอาบูกาเซ็ง ศรีรัตน์ เป็นประธานชมรมฯ
- กลุ่มสตรีในชุมชนสันติสุข เป็นการรวมตัวของกลุ่มแม่บ้านเพื่อฝึกและเรียนรู้อาชีพเสริม โดยมีนางรอบีย๊ะ อูมา เป็นประธานกลุ่มสตรีฯ
ด้านการบริหารชุมชน
- นายเจ๊ะสมะแอ ดือราแม ประธานชุมชน
- นายอดินันท์ กูนา รองประธานชุมชน
ในรอบปีผู้คนในชุมชนจะมีวิธีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิธีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
ประเพณีเมาลิด เป็นกิจกรรมประจำปีที่ชุมชนจัดขึ้นทุกปีเพื่อเป็นการรำลึกถึงหลักธรรมคำสอน และผลงานของท่านนบีมูฮัมมัด ทั้งยังมีการรวมตัวกันเพื่อฟังเรื่องเล่าชีวประวัติแบบฉบับอันงดงาม บุคลิกภาพอันมีเกียรติของท่านนบี และมีการเลี้ยงรับอาหารคนจน รวมไปถึงบรรดามุสลิม
ประเพณีอาซูรอ เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คำว่า อาซูรอ เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม การรวมกัน คือการนำสิ่งของที่รับประทานได้หลายสิ่งหลายอย่างมากวนรวมกัน มีทั้งชนิดคาวและหวาน การกวนข้าวอาซูรอจะใช้คนในหมู่บ้านมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อความสามัคคีและสร้างความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อันมีผลต่อการอยู่ร่วมกันของสังคมอย่างมีความสุข ก่อนจะแจกจ่ายให้รับประทานกัน เจ้าภาพจะเชิญบุคคลที่นับถือของชุมชนขึ้นมากล่าวขอพร (ดูอา) ก่อน จึงจะแจกให้คนทั่วไปรับประทานกัน
เทศกาลวันฮารีรายอ เป็นเทศกาลและวันสำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลกวันหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นวันรื่นเริงประจำปีซึ่งชาวมุสลิมได้เดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อเข้าร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนาโดยพร้อมเพรียงกัน ได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อน ญาติพี่น้องเพื่อขออภัยซึ่งกันและกัน ช่วงเวลาในรอบ 1 ปีของชาวมุสลิมมีวันฮารีรายอ 2 ครั้ง คือ วันอีดิลฟิตรี และวันอีดิลอัฏฮา ในวันดังกล่าว ชาวมุสลิมนิยมใส่เสื้อผ้าของใหม่ๆ สะอาด สวยงาม มีกลิ่นหอม สำหรับอาหารที่นิยมทำในวันฮารีรายอ คือ ตูปะ (ข้าวเหนียวต้ม)
เดือนเมษายน ประเพณีสุนัตหมู่ เป็นประเพณีการการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายของมุสลิม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะจัดขึ้นในช่วงปิดเทอมยาว
เดือนพฤษภาคม งานถนนคนเดินยะลา เทศบาลนครยะลา ร่วมกับหน่วยงานต่างๆในจังหวัดยะลา และผู้ประกอบการในพื้นที่ได้จัดงาน ”ถนนคนเดิน” ขึ้นเพื่อสร้างช่องทางการตลาด กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่เพื่อให้ผู้ประกอบการได้นำสินค้าต่างๆ อาทิ สินค้าโอทอป สินค้าชุมชน ออกมาจำหน่ายให้พี่น้องประชาชนได้ซื้อในราคาถูก มีคุณภาพ นอกเหนือจากนั้นเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของคนในจังหวัด ประชาชนได้รับความบันเทิง ผ่อนคลายความตึงเครียดจากสถานการณ์ความไม่สงบ
เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน งานสมโภชนหลักเมือง เป็นงานประเพณีสำคัญประจำปีของจังหวัดยะลา เพื่อเฉลิมฉลองและสมโภชหลักเมือง อันเป็นที่เคารพสักการบูชาของประชาชนชาวจังหวัดยะลา และประชาชนทั่วไป โดยมีขบวนแห่หลักเมืองจำลอง ขบวนแห่งานกาชาดจังหวัดยะลา (วัฒนธรรมและของดีเมืองยะลา) กิจกรรมเปิดงานกาชาดจังหวัดยะลา สำหรับกิจกรรมตลอดระยะเวลา 11 วัน 11 คืน ซึ่งภายในงานมีการออกบูธแสดง และกิจกรรมต่างๆ อาทิ การออกร้านกาชาด การออกรางวัลสลากกาชาดเพื่อการกุศล การประกวดธิดานิบง การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย ขวัญใจมหาชน การจัดนิทรรศการ การแสดงผลงานวิชาการของหน่วยราชการ สถานศึกษาและภาคเอกชน และอีกมากมาย
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ
การประกอบอาชีพ ประชากรส่วนใหญ่ในชุมชนจะประกอบอาชีพหลัก คือ ค้าขาย รับราชการ และรับจ้างทั่วไป และอาชีพเสริม คือ ตัดเย็บเสื้อผ้า และเพาะปลูก เพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือน และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
นายเจ๊ะสมะแอ ดือราแม ประธานชุมชนสันติสุข กล่าวว่า ชุมชนไม่มีปราชญ์ชาวบ้าน แต่ชุมชนมีที่ปรึกษาชุมชน ได้แก่ นางสาวอานีซะห์ ดือราแม และนายฮาซัน อูมา
สถานศึกษาและมัสยิด ชุมชนจะมีโรงเรียนตาดีกา (ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด) ทั้งหมด 3แห่ง และห้องเรียนอัลกุรอ่าน โดยโรงเรียนจะตั้งอยู่ทั้งในบริเวณมัสยิดและนอกบริเวณมัสยิด ซึ่งผู้เรียนส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆในชุมชน พื้นที่มัสยิดถือว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะการเรียนการสอนด้านศาสตร์ศาสนาอิสลามให้แก่เด็กๆและผู้คนในชุมชน
นอกเหนือจากนั้น ชุมชนยังสามารถดึงดูดผู้ที่สนใจด้านการตัดเย็บเสื้อผ้า มาร่วมเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน
ผู้คนในชุมชนจะใช้ภาษาไทยและภาษามลายูในการสื่อสารเนื่องด้วยเป็นชุมชนมุสลิมและสมาชิกในชุมชนส่วนใหญ่เป็นคนมลายู
สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชุมชนที่ปรากฏเห็นได้ชัดในด้านสังคมและประชากร โดยมีรายละเอียด ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด ได้แก่ จำนวนอาคารบ้านเรือน ร้านค้า และอาคารพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น
ด้านความท้าทายของชุมชน ชุมชนประสบกับความท้าท้าย ดังนี้
1. ปัญหาสุขภาพ
2. ปัญหาขยะเกลื่อนถนนและส่งกลิ่นเหม็นรบกวนคนในชุมชน
3. ขาดโอกาสทางการศึกษา
4. ปัญหาการว่างงาน และครอบครัวมีรายได้น้อย
อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เทศบาลนครยะลา และสำนักงานสาธารณสุขได้ติดตามและแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการจัดสรรงบประมาณและเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่
ด้านการมีส่วนร่วม สมาชิกในชุมชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการทำกิจกรรมต่างๆของชุมชน
ชุมชนสามารถดึงดูดผู้ที่สนใจด้านการตัดเย็บเสื้อผ้า มาเรียนรู้ และซื้อสินค้าภายในชุมชน
ฝ่ายแผนงานและงบประมาณ กองวิชาการและแผนงาน. (2564). แผนชุมชนประจำปี ๒๕๖๔. เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
ฝ่ายแผนงานและงบประมาณ กองวิชาการและแผนงาน. (2565). แผนชุมชนประจำปี ๒๕๖๕. เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
นายเจ๊ะสมะแอ ดือราแม. (1 มิถุนายน 2566). ข้อมูลทั่วไปของชุมชน. (มูฮำหมัดอาลี ซง, ผู้สัมภาษณ์)