สวนศรีเมือง/สนามเด็กเล่น และสนามฟุตซอลหญ้าเทียม
เกิดจากการแยกตัวออกจากชุมชนจารูพัฒนา เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและจำนวนบ้านเรือนอย่างต่อเนื่องตลอดจนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
สวนศรีเมือง/สนามเด็กเล่น และสนามฟุตซอลหญ้าเทียม
ชุมชนจารูนอก มีพื้นที่ประมาณ 427,417.02 ตารางเมตร เกิดจากการแยกตัวออกจากชุมชนจารูพัฒนา เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและจำนวนบ้านเรือนอย่างต่อเนื่องตลอดจนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้นำไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่และแก้ไขปัญหาได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นจึงมีการเสนอความคิดให้มีการจัดตั้งชุมชนขึ้นมาใหม่อีก 1 ชุมชน คือชุมชนจารูนอก
สมัยก่อนชุมชนจารูนอกและชุมชนจารูพัฒนาคือชุมชนเดียวกัน ตั้งอยู่เลขที่ 4 เขตสะเตงนอก เป็นที่อยู่อาศัยของคนดั่งเดิม มีความเป็นมาหลายร้อยปี ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า ชุมชนแห่งนี้ แต่ก่อนนั้นอยู่ติดกับแม่น้ำปัตตานีและมีต้นไม้สูงใหญ่ชื่อว่าต้นจารู เมื่อ 50 ปีผ่านไปได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อพัฒนาเมือง จึงได้จัดตั้งเป็นชุมชนขึ้นโดยชื่อว่า “จารูพัฒนา” ตามชื่อต้นไม้ โดยปัจจุบันที่ทำการชุมชนจารูนอกตั้งอยู่ใกล้โรงเรียนตาดีกานูรุลฮูดา ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ครอบคลุมพื้นที่ถนนแบเมาะพัฒนา ถนนมิ่งเมือง ซอยยะผาประชาอุทิศ ซอยรวมมุสลิม ซอยมัสยิด 1-2 ซอยนูรุลฮูดา ซอยแปเราะผาสุก และซอยยะผาอยู่ตรงข้ามร้านเซ่เว่น-อีเลเว่นจารูพัฒนา
ชุมชนจารูนอก ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครยะลา อําเภอเมืองจังหวัดยะลา ห่างจากอําเภอเมืองไปทางทิศตะวันตก ระยะทาง 4 กิโลเมตร ห่างจากจังหวัดยะลาไปทางทิศตะวันตก ระยะทาง 4 กิโลเมตร
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ชุมชนจารูนอก
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ชุมชนจารูนอก
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ถนนมิ่งเมือง
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ แม่น้ำปัตตานี
สภาพพื้นที่กายภาพ
สภาพโดยทั่วไปเป็นที่ราบลุ่มต่ำ ทําให้รับน้ำจากบริเวณอื่นที่อยู่ในที่ราบสูง อยู่ติดกับบึงแบเมาะ และแม่น้ำปัตตานี ทําให้ประสบปัญหากับอุทกภัยในช่วงหน้าฝนของทุกปี ลักษณะอาคารบ้านเรือนจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านเรือนติดกัน โรงงาน และอาคารพาณิชย์
จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนจารูนอก จำนวน 217 ครัวเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 1,139 คน แบ่งประชากรชาย 542 คน หญิง 597 คน เป็นชุมชนมุสลิมมลายูดั่งเดิม โดยสมาชิกในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน
มลายูกลุ่มกิจกรรม/อาชีพ มีจํานวน 1 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกิจกรรม/กลุ่มอาชีพทำของชำร่วยขันหมากงานมงคล สมาชิกในชุมชนมีการรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันในยามว่างจากอาชีพหลัก เป็นหนึ่งในอาชีพเสริมที่สามารถสร้างรายได้ โดยมีลูกค้าทั้งผู้คนในพื้นที่และต่างพื้นที่มาอุดหนุนสินค้าของกลุ่ม
ด้านการบริหารชุมชน
- นายนิมัน อำดุลวาดุง ประธานชุมชน
- นายมาหะมะอูเซ็ง บาเหะ รองประธานชุมชน
ในรอบปีผู้คนในชุมชนจะมีวิธีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิธีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
เทศกาลวันฮารีรายอ (ชุมชนร่วมกับมัสยิดนูรูลฮูดาจารูนอกจัดกิจกรรมวันฮารีรายอ) เป็นเทศกาลและวันสำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลกวันหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นวันรื่นเริงประจำปีซึ่งชาวมุสลิมได้เดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อเข้าร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนาโดยพร้อมเพรียงกัน ได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อน ญาติพี่น้องเพื่อขออภัยซึ่งกันและกัน ช่วงเวลาในรอบ 1 ปีของชาวมุสลิมมีวันฮารีรายอ 2 ครั้ง คือ วันอีดิลฟิตรี และวันอีดิลอัฏฮา ในวันดังกล่าว ชาวมุสลิมนิยมใส่เสื้อผ้าของใหม่ๆ สะอาด สวยงาม มีกลิ่นหอม สำหรับอาหารที่นิยมทำในวันฮารีรายอ คือ ตูปะ (ข้าวเหนียวต้ม)
ประเพณีอาซูรอสัมพันธ์ เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คำว่า อาซูรอ เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม การรวมกัน คือการนำสิ่งของที่รับประทานได้หลายสิ่งหลายอย่างมากวนรวมกัน มีทั้งชนิดคาวและหวาน การกวนข้าวอาซูรอจะใช้คนในหมู่บ้านมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อความสามัคคีและสร้างความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อันมีผลต่อการอยู่ร่วมกันของสังคมอย่างมีความสุข ก่อนจะแจกจ่ายให้รับประทานกัน เจ้าภาพจะเชิญบุคคลที่นับถือของชุมชนขึ้นมากล่าวขอพร (ดูอา) ก่อน จึงจะแจกให้คนทั่วไปรับประทานกัน
ประเพณีเมาลิด เป็นกิจกรรมประจำปีที่ชุมชนจัดขึ้นทุกปีเพื่อเป็นการรำลึกถึงหลักธรรมคำสอน และผลงานของท่านนบีมูฮัมมัด ทั้งยังมีการรวมตัวกันเพื่อฟังเรื่องเล่าชีวประวัติแบบฉบับอันงดงาม บุคลิกภาพอันมีเกียรติของท่านนบี และมีการเลี้ยงรับอาหารคนจน รวมไปถึงบรรดามุสลิม
ปีใหม่ฮิจเราะห์ศักราช เป็นศักราชทางศาสนาอิสลาม เริ่มนับเมื่อท่านนบีมูฮัมหมัดกระทำฮิจเราะห์ (ฮิจเราะห์ แปลว่า การอพยพโยกย้าย) คือ อพยพจากเมืองเมกกะไปอยู่ที่เมืองเมดินะ เป็นปีเริ่มต้นของศักราชอิสลาม
อิสรออ์และมิรอจญ์ อิสรออ์ หมายถึง การเดินทางในเวลากลางคืน และมิอฺรอจญ์ หมายถึง การเดินทางขึ้นสู่เบื้องบน (หมายถึงฟ้า) ส่วน “อิสรออ์และมิอฺรอจญ์” หมายถึง การเดินทางในเวลากลางคืนของทท่านศาสดา จาก มัสยิดอัลหะรอม ณ นครมักกะฮฺอันทรงเกียรติไปยังมัสยิดอัลอักศอ หลังจากนั้นท่านก็เดินทางขึ้นสู่ฟากฟ้าทีละชั้น ทีละชั้น จนไปถึง สถานที่ที่มีชื่อว่า“สิดรอตุลมุนตะฮา” หลังจากนั้นท่านก็เดินทางกลับลงสู่พื้นดินและมุ่งสู่นครมักกะฮฺอีกครั้งหนึ่งโดยใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น
เดือนมีนาคม มหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน เทศบาลนครยะลาร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมจัดขึ้น ซึ่งการแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนได้รับความสนใจจากพี่น้องชาวไทยในพื้นที่และต่างพื้นที่ รวมทั้งผู้สนใจจากประเทศในกลุ่มอาเซียนส่งนกเข้าร่วมแข่งขันร่วมประมาณ 2,000 นก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว อนุรักษ์เผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงนกเขาชวาและธุรกิจเกี่ยวกับนก เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
เดือนเมษายน ประเพณีสุนัตหมู่ เป็นประเพณีการการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายของมุสลิม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะจัดขึ้นในช่วงปิดเทอมยาว
เดือนพฤษภาคม งานถนนคนเดินยะลา เทศบาลนครยะลา ร่วมกับหน่วยงานต่างๆในจังหวัดยะลา และผู้ประกอบการในพื้นที่ได้จัดงาน ”ถนนคนเดิน” ขึ้นเพื่อสร้างช่องทางการตลาด กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่เพื่อให้ผู้ประกอบการได้นำสินค้าต่างๆ อาทิ สินค้าโอทอป สินค้าชุมชน ออกมาจำหน่ายให้พี่น้องประชาชนได้ซื้อในราคาถูก มีคุณภาพ นอกเหนือจากนั้นเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของคนในจังหวัด ประชาชนได้รับความบันเทิง ผ่อนคลายความตึงเครียดจากสถานการณ์ความไม่สงบ
เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน งานสมโภชนหลักเมือง เป็นงานประเพณีสำคัญประจำปีของจังหวัดยะลา เพื่อเฉลิมฉลองและสมโภชหลักเมือง อันเป็นที่เคารพสักการบูชาของประชาชนชาวจังหวัดยะลา และประชาชนทั่วไป โดยมีขบวนแห่หลักเมืองจำลอง ขบวนแห่งานกาชาดจังหวัดยะลา (วัฒนธรรมและของดีเมืองยะลา) กิจกรรมเปิดงานกาชาดจังหวัดยะลา สำหรับกิจกรรมตลอดระยะเวลา 11 วัน 11 คืน ซึ่งภายในงานมีการออกบูธแสดง และกิจกรรมต่างๆ อาทิ การออกร้านกาชาด การออกรางวัลสลากกาชาดเพื่อการกุศล การประกวดธิดานิบง การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย ขวัญใจมหาชน การจัดนิทรรศการ การแสดงผลงานวิชาการของหน่วยราชการ สถานศึกษาและภาคเอกชน และอีกมากมาย
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ
การประกอบอาชีพ ประชากรส่วนใหญ่ในชุมชนจะประกอบอาชีพหลัก คือ ค้าขาย รับจ้างทั่วไป และรับราชการ
นางแมะนะ แซะติง ประธานกลุ่มสตรีฯ และผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารและทำของชำร่วยขันหมากงานมงคล
ด้านการศึกษา ชุมชนจะมีโรงเรียนตาดีกา (ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด) ซึ่งผู้เรียนส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆในชุมชนและมีบ้างที่มาจากพื้นใกล้เคียง ซึ่งการเรียนการสอนจะจัดขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยเริ่มเรียนตั้ง 8 โมงเช้า และสิ้นสุดเวลา 4 โมงเย็น
กลุ่มอาชีพ ได้แก่ กลุ่มอาชีพทำของชำร่วยขันหมากงานมงคล
สถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญ ได้แก่ มัสยิดนูรุสสาลาม มัสยิดนูรุลฮูดา ศูนย์จริยธรรมบ้านจารู ลานกีฬาหน้าศูนย์จริยธรรมบ้านจารู แหล่งน้ำสาธารณะบึงแบเมาะ สวนศรีเมือง/สนามเด็กเล่น และสนามฟุตซอลหญ้าเทียม
ผู้คนในชุมชนจะใช้ภาษาไทยและภาษามลายูในการสื่อสารเนื่องด้วยเป็นชุมชนมุสลิมและสมาชิกในชุมชนส่วนใหญ่เป็นคนมลายู
สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชุมชนที่ปรากฏเห็นได้ชัดในด้านสังคมและประชากร โดยมีรายละเอียด ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด ได้แก่ จำนวนอาคารบ้านเรือน ร้านค้า และมีประชากรเพิ่มมากขึ้น
ด้านความท้าทายของชุมชน ชุมชนประสบกับความท้าท้าย ดังนี้
1. ปัญหาวัยรุ่นมั่วสุม (ยาเสพติด/เกมส์ออนไลน์)
2. เยาวชนบางส่วนขาดโอกาสทางการศึกษา
3. บางครอบครัวยังมีรายได้น้อย
4. สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ถนนและน้ำประปาไม่ทั่วถึง
อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เทศบาลนครยะลา และหน่วยงานอื่นๆ ได้ติดตามและแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการจัดงบประมาณและกิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่สมาชิกในชุมชน
ด้านการมีส่วนร่วม สมาชิกในชุมชนให้ความร่วมมือน้อยมากในการทำกิจกรรมต่างๆของชุมชน
ชุมชนจารูนอก มีจุดน่าสนใจที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว ได้แก่ มัสยิดนูรุสสาลาม มัสยิดนูรุลฮูดา ศูนย์จริยธรรมบ้านจารู ลานกีฬาหน้าศูนย์จริยธรรมบ้านจารู แหล่งน้ำสาธารณะบึงแบเมาะ สวนศรีเมือง/สนามเด็กเล็ก และสนามฟุตซอลหญ้าเทียม
ฝ่ายแผนงานและงบประมาณ กองวิชาการและแผนงาน. (2564). แผนชุมชนประจำปี ๒๕๖๔. เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
ฝ่ายแผนงานและงบประมาณ กองวิชาการและแผนงาน. (2565). แผนชุมชนประจำปี ๒๕๖๕. เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
นายนิมัน อำดุลวาดง. (2 มิถุนายน 2566). ข้อมูลทั่วไปของชุมชน. (มูฮำหมัดอาลี ซง, ผู้สัมภาษณ์)