เดิมพื้นที่ตลาดเมืองใหม่เป็นพื้นที่ลุ่ม และสวนยางพารา โดยเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ ต่อมาในสมัยนายกฯ ยรรยง อุทัย เป็นนายกเทศมนตรี ได้รับซื้อที่ดินดังกล่าวไว้ เพื่อมาปรับปรุงเป็นอาคารพาณิชย์ และอาคารตลาดสด ในปี พ.ศ. 2529 หลังจากการปลูกสร้างอาคารพาณิชย์เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้ทิ้งช่วงประมาณ 2-3 ปี ที่ไม่มีคนมาอาศัยอยู่เลย จากนั้นได้มีชาวบ้านจากตำบลบาโด และชาวบ้านที่อยู่อาศัยใกล้เคียงรวมทั้งตลาดนัดผลไม้เพื่อประชาชน จนกลายมาเป็นตลาดปัจจุบัน ใช้เวลาประมาณ 27 ปี
ปัจจุบันทางเทศบาลนครยะลา ได้ยกระดับให้จัดตั้งกลุ่ม ชุมชนตลาดเมืองใหม่ เป็นชุมชนเกิดใหม่ล่าสุด ลำดับที่ 39 ในเขตเทศบาลนครยะลา
ชุมชนตลาดเมืองใหม่ เป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตเทศบาลนครยะลา มีประชากรอยู่กันหนาแน่นและมีการประกอบอาชีพค้าขายเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการเป็นชุมชนขนาดใหญ่ บางครั้งเวลามีปัญหาทางเทศบาลอาจดูแลไม่ทั่วถึง ดังนั้นพ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจ ข้าราชการ ในย่านตลาดเมืองใหม่ได้มีแนวคิดและได้ร่วมปรึกษาเพื่อจัดตั้งชุมชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วม มีความสามัคคี มีการแก้ไขปัญหาและร่วมกันพัฒนาชุมชนในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของเทศบาลนครยะลาที่จะให้ชุมชนได้พึ่งพาตนเองได้ ฉะนั้นทางชุมชนได้ส่งตัวแทนของชุมชนเพื่อประสานกับทางเทศบาล เพื่อขอจัดตั้งชุมชนตลาดเมืองใหม่ต่อ นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลาและได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้งชุมชนขึ้น เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2554
การเดินทางเข้าสู่ชุมชนเริ่มจากเทศบาลนครยะลามุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ไปยังถนนสุขยางค์ เลี้ยวขวาสู่ถนนสิโรรส เลี้ยวซ้ายเข้า สู่ถนนภูมาชีพ ผ่านห้างหุ้นส่วนจํากัดยะลาเมืองใหม่ ตรงผ่านถนนเปรมจิตต์-สุรพันธ์ ถึงชุมชนตลาดเมืองใหม่
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ เขื่อนแม่น้ำปัตตานี
- ทิศใต้ ติดต่อกับ คูระบายน้ำเทศบาล
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ คูระบายน้ำเทศบาล
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ โรงไฟฟ้า สถานีย่อยตลาดเมืองใหม่
สภาพพื้นที่กายภาพ
สภาพโดยทั่วไปของชุมชนตลาดเมืองใหม่สามารถแบ่งเป็นสองส่วน พื้นที่ส่วนนอกเป็นพื้นที่ร้านค้า บ้านเช่าและที่พักอาศัยของคนในชุมชน ส่วนพื้นที่ส่วนในจะมีลักษณะเป็นตลาดนัดขายอาหารสดและผลไม้ขนาดใหญ่ในจังหวัดยะลา
ชุมชนตลาดเมืองใหม่ อยู่ในเขตมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น มี 2 ฤดู ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคมและฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือน พฤษภาคม-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ 28.20 องศาเซลเซียสและสูงสุดเฉลี่ย 34.50 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,712.3 มิลลิเมตร/ปี มีฝนตกเฉลี่ย 148 วัน/ปี เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จะมีฝนตกชุกที่สุด
จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนตลาดเมืองใหม่ มีจำนวน 300 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 900 คน แบ่งเป็นประชากรชาย 350 คน หญิง 550 คน ในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม รองลงมานับถือศาสนาพุทธ
มลายูด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย รองลงมาประกอบอาชีพรับจ้างและรับราชการ ผู้คนในชุมชนตลาดเมืองใหม่ มีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ ดังนี้
กลุ่มที่เป็นทางการ
- กลุ่มสตรี เป็นกลุ่มองค์กรที่มีเป้าหมายให้สมาชิกในชุมชนมีรายได้ใช้หมุนเวียนในชุมชน โดยการจัดทำขนมเพื่อนำไปขายต่อเป็นรายได้แก่สมาชิกในชุมชนสร้างความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจระดับรากหญ้า
- กลุ่มผู้สูงอายุ การจัดตั้งกลุ่มมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชน และเป็นการอบรมให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพ และมีการจัดบรรยายด้านศาสนาแก่กลุ่มผุ้สูงอายุทุกวันอาทิตย์ของสัปดาห์
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
- มกราคม : ประเพณีตักบาตรปีใหม่ (กิจกรรมทำบุญตักบาตร เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่) ทุกวันที่ 1 มกราคม ของทุกปี ผู้คนในชุมชนจะจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรและอุทิศส่วนกุศลผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ฟังเทศน์ ปล่อยปลา ปล่อยนก อวยพรซึ่งกันและกัน หรืออาจจะส่งการ์ดบัตรอวยพร ของขวัญไหว้ผู้ใหญ่เพื่อรับพร และสรงน้ำพระพุทธรูป เป็นต้น
- มีนาคม : มหกรรมนกเขาชวาอาเซียน เป็นงานที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์เผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงนกเขาชวาและธุรกิจเกี่ยวกับนกเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสถานที่จัดงานจัดที่สนามนกเขาสวนขวัญเมือง เทศบาลนครยะลา
- เมษายน : ประเพณีสงกรานต์ (กิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่) ชุมชนเมืองทองจะมีการจัดกิจกรรมการฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้รักวัฒนธรรมประเพณีของไทยให้ยิ่งขึ้น ซึ่งประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีและมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในวันสงกรานต์จะมีกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และขอพรญาติผู้ใหญ่ในชุมชน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการสานสัมพันธ์และใช้เวลาร่วมกันระหว่างบุคคลในครอบครัวและชุมชน เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้รักวัฒนธรรม ประเพณีของไทยให้ยิ่งขึ้น
- พฤษภาคม : งานสมโภชหลักเมืองยะลา การจัดงานสมโภชหลักเมืองและงานกาชาดจังหวัดยะลา ได้จัดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2505 ต่อเนื่องทุกปี จนถึงปัจจุบัน ในระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 4 มิถุนายน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเฉลิมฉลองและสมโภชหลักเมือง อันเป็นที่เคารพสักการบูชาของประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นงานประเพณีประจำปีของจังหวัดยะลา นำรายได้จากการจัดงานไปใช้ในการทำนุบำรุงบูรณะศาลหลักเมือง และใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศลของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ของจังหวัดยะลา เป็นการเผยแพร่ และสร้างความเข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรมอันเป็นอัตลักษณ์ที่ดีงาม ที่ควรอนุรักษ์คู่กับจังหวัดยะลา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในด้านนันทนาการ และกิจกรรมอันเป็นประโยชน์อื่น ๆ ที่เกื้อกูลให้เกิดความสามัคคีสมานฉันท์ในสังคม และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงาน การพัฒนาของจังหวัดยะลา และการบริการประชาชนของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนที่มีคุณภาพ และเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน นักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยว โดยกิจกรรมที่ผ่านมา จะประกอบด้วย พิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์บนศาลหลักเมือง ขบวนแห่หลักเมืองจำลอง ขบวนแห่งานกาชาดจังหวัดยะลา (วัฒนธรรมและของดีเมืองยะลา) และกิจกรรมเปิดงานกาชาดจังหวัดยะลา สำหรับกิจกรรมตลอดระยะเวลา 11 วัน 11 คืน ประกอบด้วย การออกร้านนาวากาชาด การแสดง การออกรางวัลสลากกาชาดเพื่อการกุศล ศิลปวัฒนธรรมธรรม การประกวดธิดานิบง การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย ขวัญใจมหาชน การจัดนิทรรศการ การแสดงผลงานวิชาการของหน่วยราชการ สถานศึกษาและภาคเอกชน การแสดงมหรสพ และการแสดงของศิลปินดารานักแสดงอีกมากมาย
- ตุลาคม : ประเพณีชักพระ ถือเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนกระทำกันหลังวันออกพรรษา 1 วัน โดยการพร้อมใจกันอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนบุษบกที่วางเหนือรถ เรือหรือล้อเลื่อน แล้วแห่แหนชักลากไปตามลำน้ำหรือตามถนนหนทาง และเป็นประเพณี ที่สำคัญที่พี่น้องพุทธศาสนิกชนชาวยะลาและจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงาน และร่วมทำบุญในทุกค่ำคืนเป็นจำนวนมาก เทศบาลนครยะลาร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยะลา จึงได้กำหนดจัดงานประเพณีชักพระ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชุมนุมเรือพระจากวัดในจังหวัดยะลาและพื้นที่ใกล้เคียง ให้ประชาชน พุทธศาสนิกชน ได้ร่วมกันอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นร่วมกันแสดงออกถึงคุณธรรม ความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และวัดซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธมากยิ่งขึ้น โดยจัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ คือ ชุมนุมเรือพระ ประกวดเรือพระ พิธีสมโภชเรือพระ การประกวดขบวนแห่เรือพระ การแข่งขันตีโพน การแข่งขันแทงต้ม ซัดต้ม การแข่งขันขูดมะพร้าว นิทรรศการอาหารและขนมพื้นบ้าน การแสดงของนักเรียน การแสดงมหรสพ และการแสดงธรรมเทศนาทุกคืน
ประเพณีของชาวมุสลิม
- เดือนมูฮัรรอม : ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมไว้เริ่มน้อยลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน จึงกลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน
- เดือนเราะบีอุลเอาวัล : เมาลิดินนบี เป็นวันคล้ายวันประสูติของศาสดามูฮัมหมัด (ซล.) ศาสดาแห่งมนุษยชาติ ผู้ศรัทธาในศาสนาอิสลาม จะมีการรำลึกถึงคุณงามความดี หรือประวัติของท่านในอดีตกาล ในบรรยากาศแห่งความรัก และรำลึกถึงท่านอย่างแท้จริง ซึ่งจะจัดในเดือน เราะบีอุลเอาวัล ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ในปฏิทินอิสลาม
- เดือนซะบาน : กิจกรรมฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฏิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือน ซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการ จะมีการกินเลี้ยงร่วมรับประทานอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน
- เดือนรอมฎอน : การถือศีลอด เป็นหลักปฏิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอด ในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่าง ที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้น จนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกายวาจาใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด ซึ่งเป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า “ละหมาดตะรอเวียะห์”
- เดือนเชาวาล : วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า “วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือ ศีลอดมาตลอด ในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย “ซะกาตฟิตเราะฮ์"
- วันรายอแนหรือรายอหก : ความหมายรายอแน คือ คำว่า รายอ ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า แน คือ หก ในทางปฏิบัติ เมื่อถึงวันตรุษ อีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องไปเลย จนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอด คนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองวัน วันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน
- เดือนซุลฮิจญะฮ์ : การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับ ให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้งชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไรต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน การทำฮัจญ์จะจัดขึ้นในเดือน ซุลฮิจญะฮ์ซึ่งเป็นเดือน 12 ของอิสลาม
- วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี : เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมีการทำกุรบาน หรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ จะตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การเข้าสุนัต : เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่า เป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บ้างพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ จะมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
- การละหมาด : เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิม ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย รองลงมาประกอบอาชีพรับจ้างและรับราชการ
1. นาย สุกรี : ผู้นำศาสนาประจำมัสยิดตลาดเมืองใหม่ ท่านมีบทบาทในการบรรยายในด้านศาสนาและวัฒนธรรม
ทุนเศรษฐกิจ ชุมชนตลาดเมืองใหม่ถือว่าเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีความสำคัญของจังหวัดยะลา เป็นตลาดสินค้าขายปลีกขนาดใหญ่ ในพื้นที่มีตลาดขายอาหารสดและผลไม้เจ้าใหญ่ที่สุดพร้อมกันนี้มีโกดังเก็บสินค้าหลายประเภทด้วยกัน
การสื่อสารในชุมชนตลาดเมืองใหม่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก
ด้วยสภาพพื้นที่เหมาะเป็นแหล่งเพาะพันธ์เชื้อโรคเ นื่องด้วยจำนวนขยะที่มีจำนวนมากทำให้เป็นที่อยู่หนูและแมลงสาบ ทางชุมชนได้ออกมาตรการรณรงค์และประสานกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลกำจัดขยะเหล่านี้พร้อมกับทำโครงการชุมชนไร้ขยะเพื่อลดปัญหาเหล่านี้ในชุมชน
ในชุมชนตลาดเมืองใหม่ มีจุดน่าสนใจ ได้แก่ มัสยิดดารุลมูฮาญีรีน สวนศรีเมือง สถานีขนส่งประจำจังหวัด
ฝ่ายแผนงานและงบประมาณ กองวิชาการและแผนงาน. (2565). แผนชุมชนประจำปี 2565. เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
กระทรวงวัฒนธรรม. (ม.ป.ป.). ปฎิทินวัฒนธรรม : ประเพณีชักพระ. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566. เข้าถึงได้จาก https://calendar.m-culture.go.th/
สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์. (2566). มหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566. เข้าถึงได้จาก https://thainews.prd.go.th/
ฮัมเซาะ สะอง (ผู้ให้สัมภาษณ์), อับดุลเลาะ รือสะ (ผู้สัมภาษณ์), เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566