Advance search

ชุมชนเกษตรกรรม องค์กรเข้มแข็ง

หมู่ที่ 2
โกตาบารู
รามัน
ยะลา
อับดุลเลาะ รือสะ
22 เม.ย. 2023
นิรัชรา ลิลละฮ์กุล
28 พ.ค. 2023
อับดุลเลาะ รือสะ
3 มิ.ย. 2023
กำปงบูเก๊ะ

ประวัติความเป็นมาของชุมชนบ้านกาปงบูเก๊ะ เป็นหมู่บ้านที่ติดอยู่กับเชิงเขาพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ทำให้มีการเรียกชื่อหมู่บ้านตามสถานที่ตั้งของหมู่บ้าน ความหมายของกำปงบูเก๊ะ สามารถแยกเป็นสองคำ คำว่า "บูเก๊ะ" หมายถึง ภูเขา ส่วนคำว่า "กำปง" หมายถึง หมู่บ้าน เมื่อรวมสองคำนี้จึงได้ "บ้านกำปงบูเก๊ะ" เป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านแห่งนี้


ชุมชนเกษตรกรรม องค์กรเข้มแข็ง

หมู่ที่ 2
โกตาบารู
รามัน
ยะลา
95140
6.43215840756388
101.356047838926
เทศบาลตำบลโกตาบารู

ประวัติความเป็นมาของชุมชนบ้านกาปงบูเก๊ะ เป็นหมู่บ้านที่ติดอยู่กับเชิงเขาพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ทำให้มีการเรียกชื่อหมู่บ้านตามสถานที่ตั้งของหมู่บ้าน ความหมายของกำปงบูเก๊ะ สามารถแยกเป็นสองคำ คำว่า บูเก๊ะ หมายถึง ภูเขา ส่วนคำว่ากำปง หมายถึง หมู่บ้าน เมื่อรวมสองคำนี้เป็น บ้านกำปงบูเก๊ะ จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ 

ชุมชนกำปงบูเก๊ะ ตั้งอยู่ที่ ม.2 โกตาบารู อยู่ห่างจากอำเภอประมาณ 8 กิโลเมตร การเดินทางมาสู่ชุมชนสามารถเดินทางได้ทั้งรถส่วนตัวและรถโดยสาร

อาณาเขตติดต่อ

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านปาโล๊ะ
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านกาลูปัง
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านยาลงฮีเล
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านโกตาบารู

สภาพพื้นที่กายภาพ

ชุมชนกาปงบูเก๊ะเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่เชิงเขา ทำให้สภาพอากาศในชมชนมีอากาศเย็น การแบ่งสัดส่วนพื้นที่สามารถแบ่งเป็นสองสองส่วน พื้นที่ส่วนในจะมีลักษณะพื้นที่เกษตรกรรมมีการเพาะปลูกพืชทางเกษตรกรรม เช่น ต้นยาง นา ทุเรียน ลองกอง ส่วนพื้นที่ส่วนนอกจะเป็นที่อยู่อาศัยของคนในชุมชน และร้านค้า

ชุมชนกาปงบูเก๊ะ อยู่ในเขตมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น มี 2 ฤดู ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม และฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือน พฤษภาคม-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ 28.20 องศาเซลเซียสและสูงสุดเฉลี่ย 34.50 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,712.3 มิลลิเมตร/ปี มีฝนตกเฉลี่ย 148 วัน/ปี เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จะมีฝนตกชุกที่สุด

จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนกาปงบูเก๊ะ มีจำนวน 698 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 1,797 คน แบ่งเป็นประชากรชาย 867 คน หญิง 921 คน ในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม

มลายู

ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รองลงมาประกอบอาชีพค้าขายและรับราชการ ผู้คนในชุมชนกาปงบูเก๊ะ มีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ ดังนี้

กลุ่มที่เป็นทางการ

  • กลุ่มสตรี เป็นกลุ่มองค์กรที่มีเป้าหมายให้สมาชิกในชุมชนมีรายได้ใช้หมุนเวียนในชุมชนโดยการจัดทำขนมเพื่อนำไปขายต่อเป็นรายได้แก่สมาชิกในชุมชนสร้างความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจระดับรากหญ้า

  • กลุ่มเย็บผ้า เป็นกลุมที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างรายได้แก่คนในชุมชนโดยกลุ่มได้ตัดเย็บเสื้อผ้าตามที่ลูกค้าต้องการหรือตามที่ตลาดต้องการ ประธานกลุ่ม ชื่อ โรสลีซา หลงบิน

  • กลุ่มจักสาน เป็นกลุ่มที่มีวัตถุประสงค์สร้างรายได้แก่คนในชุมชนโดยได้ไอเดียจากเส้นพลาสติก จักสานพลาสติกเป็นศิลปะการจักสานที่มีลวดลายสวยงาม การออกแบบ สีสันของเส้นพลาสติก ลวดลายต่าง ๆ ตามความต้องการของลูกค้า มีการพัฒนารูปแบบทันสมัยอย่างต่อเนื่องและเป็นสากล

  • กลุ่มกระเป๋าผ้า เนื่องจากมีเศษผ้าจำนวนการตัดเย็บเสื้อผ้าทำให้คนในชุมชนเล็งเห็นถึงความสำคัญจึงได้จัดทำกระเป๋าผ้าที่ได้จากเศษผ้ามาเย็บเป็นกระเป๋าซึ่งได้ผลตอบรับจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก

  • กลุ่มขนมโบราณ เป็นกลุ่มที่เก่าแก่ของชุมชนจัดตั้งมาแล้วประมาณ 10 ปี โดยจะทำขนมโบราณ เช่น ลอดช่องโบราณ ลอป๊ะตีแกหรือขนมกระโดดแทง ซึ่งถือว่าเป็นขนมที่หายากในปัจจุบัน

  • กลุ่มอิฐช่องลม เป็นกลุ่มที่จัดตั้งโดยเยาวชนในชุมชนกาปงบูเก๊ะโดยวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานให้เยาวชนในชุมชนมีรายได้โดยไม่จำเป็นต้องไปหางานนอกพื้นที่

กลุ่มไม่เป็นทางการ

  • กลุ่มหนังตะหลุงและปันจัตสีลัต เป็นกลุ่มที่ไม่เป็นทางการเนื่องจากจะจัดเฉพาะช่วงที่มีงานเทศกาลเป็นหลักหรือมีการเชิญให้แสดงโดยมี นาย มะอีซอ หะยีลาเตะ เป็นหัวหน้ากลุ่ม

ในรอบปีของชุมชนกาปงบูเก๊ะมีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น ดังต่อไปนี้

วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม

  • มีนาคม : มหกรรมนกเขาชวาอาเซียน เป็นงานที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์เผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงนกเขาชวาและธุรกิจเกี่ยวกับนกเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสถานที่จัดงานจัดที่สนามนกเขาสวนขวัญเมือง เทศบาลนครยะลา

  • เมษายน : ประเพณีสงกรานต์ (กิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ชุมชนเมืองทองจะมีการจัดกิจกรรมการฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้รักวัฒนธรรมประเพณีของไทยให้ยิ่งขึ้น ซึ่งประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีและมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในวันสงกรานต์จะมีกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และขอพรญาติผู้ใหญ่ในชุมชน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการสานสัมพันธ์และใช้เวลาร่วมกันระหว่างบุคคลในครอบครัวและชุมชน เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้รักวัฒนธรรม ประเพณีของไทยให้ยิ่งขึ้น

  • พฤษภาคม : งานสมโภชหลักเมืองยะลา การจัดงานสมโภชหลักเมืองและงานกาชาดจังหวัดยะลา ได้จัดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2505 ต่อเนื่องทุกปี จนถึงปัจจุบัน ในระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม จนถึงวันที่ มิถุนายน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเฉลิมฉลองและสมโภชหลักเมือง อันเป็นที่เคารพสักการบูชาของประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นงานประเพณีประจำปีของจังหวัดยะลา นำรายได้จากการจัดงานไปใช้ในการทำนุบำรุงบูรณะศาลหลักเมือง และใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศลของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ของจังหวัดยะลา เป็นการเผยแพร่ และสร้างความเข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรมอันเป็นอัตลักษณ์ที่ดีงาม ที่ควรอนุรักษ์คู่กับจังหวัดยะลา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในด้านนันทนาการ และกิจกรรมอันเป็นประโยชน์อื่น ๆ ที่เกื้อกูลให้เกิดความสามัคคีสมานฉันท์ในสังคม และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงาน การพัฒนาของจังหวัดยะลา และการบริการประชาชนของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนที่มีคุณภาพ และเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน นักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยว โดยกิจกรรมที่ผ่านมา จะประกอบด้วย พิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์บนศาลหลักเมือง ขบวนแห่หลักเมืองจำลอง ขบวนแห่งานกาชาดจังหวัดยะลา (วัฒนธรรมและของดีเมืองยะลา) และกิจกรรมเปิดงานกาชาดจังหวัดยะลา สำหรับกิจกรรมตลอดระยะเวลา 11 วัน 11 คืน ประกอบด้วย การออกร้านนาวากาชาด การแสดง การออกรางวัลสลากกาชาดเพื่อการกุศล ศิลปวัฒนธรรมธรรม การประกวดธิดานิบง การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย ขวัญใจมหาชน การจัดนิทรรศการ การแสดงผลงานวิชาการของหน่วยราชการ สถานศึกษาและภาคเอกชน การแสดงมหรสพ และการแสดงของศิลปินดารานักแสดงอีกมากมาย

  • ตุลาคม : ประเพณีชักพระ ถือเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนกระทำกันหลังวันออกพรรษา วัน โดยการพร้อมใจกันอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนบุษบกที่วางเหนือรถ เรือหรือล้อเลื่อน แล้วแห่แหนชักลากไปตามลำน้ำหรือตามถนนหนทาง และเป็นประเพณี ที่สำคัญที่พี่น้องพุทธศาสนิกชนชาวยะลาและจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงาน และร่วมทำบุญในทุกค่ำคืนเป็นจำนวนมาก เทศบาลนครยะลาร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยะลา จึงได้กำหนดจัดงานประเพณีชักพระ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชุมนุมเรือพระจากวัดในจังหวัดยะลาและพื้นที่ใกล้เคียง ให้ประชาชน พุทธศาสนิกชน ได้ร่วมกันอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นร่วมกันแสดงออกถึงคุณธรรม ความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และวัดซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธมากยิ่งขึ้น โดยจัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ คือ ชุมนุมเรือพระ ประกวดเรือพระ พิธีสมโภชเรือพระ การประกวดขบวนแห่เรือพระ การแข่งขันตีโพน การแข่งขันแทงต้ม ซัดต้ม การแข่งขันขูดมะพร้าว นิทรรศการอาหารและขนมพื้นบ้าน การแสดงของนักเรียน การแสดงมหรสพ และการแสดงธรรมเทศนาทุกคืน

ประเพณีของชาวมุสลิม

  • เดือนมูฮัรรอม : ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมไว้เริ่มน้อยลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน จึงกลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน
  • เดือนเราะบีอุลเอาวัล : เมาลิดินนบี เป็นวันคล้ายวันประสูติของศาสดามูฮัมหมัด (ซล.) ศาสดาแห่งมนุษยชาติ ผู้ศรัทธาในศาสนาอิสลาม จะมีการรำลึกถึงคุณงามความดี หรือประวัติของท่านในอดีตกาล ในบรรยากาศแห่งความรัก และรำลึกถึงท่านอย่างแท้จริง ซึ่งจะจัดในเดือน เราะบีอุลเอาวัล ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ในปฏิทินอิสลาม 
  • เดือนซะบาน : กิจกรรมฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฏิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือน ซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการ จะมีการกินเลี้ยงร่วมรับประทานอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน

  • เดือนรอมฎอน : การถือศีลอด เป็นหลักปฏิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอด ในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่าง ที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้น จนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกายวาจาใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด ซึ่งเป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า ละหมาดตะรอเวียะห์

  • เดือนเชาวาล : วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือ ศีลอดมาตลอด ในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย ซะกาตฟิตเราะฮ์"
  • วันรายอแนหรือรายอหก : ความหมายรายอแน คือ คำว่า รายอ ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า แน คือ หก ในทางปฏิบัติ เมื่อถึงวันตรุษ อีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องไปเลย จนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอด คนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองวัน วันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน

  • เดือนซุลฮิจญะฮ์ : การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับ ให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้งชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไรต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน การทำฮัจญ์จะจัดขึ้นในเดือน ซุลฮิจญะฮ์ซึ่งเป็นเดือน 12 ของอิสลาม

  • วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี : เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมีการทำกุรบาน หรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ จะตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม

  • การเข้าสุนัต เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่า เป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บ้างพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ จะมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

  • การละหมาด : เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิม ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ เวลา

วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพ ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รองลงมาประกอบอาชีพรับราชการและค้าขาย 

1. นายอุสมาน บุยะลา : มีความชาญในด้านเกษตรโดยได้เรียนรู้จากเกษตรของอำเภอที่มาอบรมในชุมชน

2. นายอูเซ็ง ดาเระสะมอ : มีความเชี่ยวชาญในการรักษากระดูกหักซึ่งท่านได้รับความรู้จากบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น

ทุนเศรษฐกิจ ชุมชนกาปงบูเก๊ะถือได้เป็นชุมชนต้นแบบที่มีกลุ่มอาชีพหลากหลายซึ่งเป็นการสร้างฐานเศรษฐกิจระดับรากหญ้าให้มีความเข้มแข็ง โดยมีกลุ่มอาชีพได้แก่ กลุ่มเย็บผ้า กลุ่มกระเป๋าผ้า กลุ่มอิฐช่องลมและกลุ่มขนมโบราณ

การสื่อสารในชุมชนกำปงบูเก๊ะใช้ภาษามลายูเป็นหลัก 


ด้านความท้าทายของชุมชน ได้แก่ การเคลื่อนย้ายของประชากรจากต่างพื้นที่เข้ามาในชุมชนมากขึ้นจากอดีต ทำให้การจัดการยังไม่ทั่วถึง อย่างไรก็ตามผู้นำในพื้นที่ได้มีการสำรวจการเข้ามาอยู่อาศัยของคนนอกพื้นที่เพื่อช่วยเหลือหรือดูแลให้ได้อย่างทั่วถึง

ในชุมชนกาปงบูก๊ะ มีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มเยาวชนที่เข้มแข็งโดยได้จัดตั้งกลุ่มเพื่อช่วยเหลือเยาวชนให้มีรายได้และมีการเรียนการสอนด้านศาสนาแก่เยาวชน ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันให้เยาวชนห่างไกลจากสิ่งอบายมุขทั้งหลาย

ซูไรดา เจะนิ. (2559). การศึกษาภูมินามของหมู่บ้านในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา. ทุนอุดหนุนจากงบประมาณ การศึกษาประจำปี 2559. มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา.

รอพา ซิโล๊ะ (ผู้ให้สัมภาษณ์), อับดุลเลาะ รือสะ (ผู้สัมภาษณ์), เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566

รอยาตี แซริโงะ (ผู้ให้สัมภาษณ์), อับดุลเลาะ รือสะ (ผู้สัมภาษณ์), เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566