
ชุมชนเก่าแก่ที่มีหลักฐานยืนยันการตั้งถิ่นฐานไม่น้อยกว่า 175 ปีมาแล้ว
บ้านท่าสาป เป็นเมืองที่ปรากฏขึ้นในปี พ.ศ. 2390 สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เมื่อพระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) ได้เสนอแต่งตั้งให้ นายเมือง (ยิ้มซ้าย) บุตรพระยายะหริ่ง (ฟาย) เป็นผู้ปกครองเมืองยะลา (พระยายะลา) ได้ย้ายเมืองจากบ้านยะลา มาอยู่ที่ตำบลท่าสาป ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปัตตานี มีพระราชบรรดาศักดิ์เป็น “พระยาณรงค์ฤทธิ์ศรีประเทศวิเศษวังษา” อันเป็นต้นกำเนิดตระกูล “กูลณรงค์” หลังจากนั้นก็มีผู้ปกครองอีกหลายคน จนสิ้นสุดตำแหน่งบรรดาศักดิ์ เมื่อเข้าสู่ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม ชุมชนบ้านท่าสาปก็ยังถือเป็นชุมชนแรกเริ่ม สามารถสืบค้นหลักฐานอ้างอิงได้อย่างชัดเจน เช่น การตั้งเมืองอยู่บริเวณบ้านกูลณรงค์ จนถึงปัจจุบันอายุไม่ต่ำกว่า 175 ปีมาแล้ว
เมื่อพระยาณรงค์ฤทธิ์ศรีประเทศวิเศษวังษาได้ถึงแก่กรรม พระยาสงขลา ได้แต่งตั้งบุตรของพระยายะลาคนเดิมเป็นเจ้าเมืองต่อมา และส่วนกลางได้ส่งข้าหลวง ชื่อ พระราชอาณาจักบริบาล (นายอ้น เด่นอุดม) เป็นข้าหลวงคนแรกมาว่าราชการ ที่บริเวณสถานีอนามัยและวัดท่าสาปปัจจุบัน ต่อจากที่ว่าการเมืองเป็นเรือนจำ ทางด้านทิศตะวันออกของที่ว่าการเมือง เป็นที่ตั้งโรงเรียนบ้านท่าสาปปัจจุบัน บริเวณของวัดท่าสาปสมัยนั้น ตั้งอยู่บริเวณโรงอาหารของโรงเรียนบ้านท่าสาปปัจจุบัน และที่ตลาดนัดหรือตลาดสด และโรงมหรสพสมัยนั้น ตั้งอยู่บริเวณกลางสนามฟุตบอลในปัจจุบัน
ชุมชนท่าสาป ตั้งอยู่ตอนกลางของอำเภอเมือง ห่างจากตัวเมืทองประมาณ 4 กิโลเมตร เนื้อที่ประมาณ 13.48 ตรารงกิโลเมตร หรือประมาณ 10,990 ไร่
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลพร่อน ตำบลยุโป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลสะเตงนอก ตำบลบังนังสาเรง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
สภาพภูมิประเทศ พื้นที่กายภาพโดยทั่วไปของชุมชนท่าสาป พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบและมีแหล่งน้ำธรรมชาติ คือ แม่น้ำปัตตานี ทำให้ช่วงฤดูฝนเกิดน้ำท่วมทุกปี ในอดีตที่ผ่านมา เช่น ปี พ.ศ. 2510 ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทำให้บ้านเรือนและทรัพย์สินต่าง ๆ เสียหายเป็นอย่างมาก
ลักษณะภูมิอากาศ แบบร้อนชื้น มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม และฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ 23.1 องศาเซลเซียส และสูงสุดเฉลี่ย 32.7 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,281.6 มิลลิเมตรต่อปี มีฝนเฉลี่ย 135 วัน/ปี เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ฝนตกชุกที่สุดฤดูร้อนและฤดูฝน ในเดือนตุลาคม-ธันวาคม
จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนท่าสาป มีจำนวน 493 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 1,081 คน แบ่งเป็นประชากรชาย 855 คน หญิง 946 คน ในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม รองลงมานับถือศาสนาพุทธ
มลายูผู้คนในชุมชนท่าสาป มีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ ดังนี้
กลุ่มที่เป็นทางการ
- กลุ่มสตรี เป็นกลุ่มองค์กรที่มีเป้าหมายให้สมาชิกในชุมชนมีรายได้ใช้หมุนเวียนในชุมชนโดยการจัดทำขนมเพื่อนำไปขายต่อเป็นรายได้แก่สมาชิกในชุมชนสร้างความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจระดับรากหญ้า
- กลุ่มกองทุนแม่ของแผ่นดิน กองทุนแม่ของแผ่นดิน เป็นเจตนารมณ์สูงสุดที่มุ่งหวังให้เป็นศูนย์รวมของคนในชุมชนที่จะร่วมกันประกอบกรรมดี เป็นการน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในงานพัฒนาทั้งมวลที่มุ่งเน้นให้พสกนิกรมีอาชีพสร้างรายได้ ส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงฟื้นฟูวัฒนธรรม สร้างภูมิปัญญาท้องถิ่นปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติ พึ่งพาความเข้มแข็งของตนเอง ขจัดยาเสพติดบนพื้นฐานของการให้อภัยทางสังคม ความรู้รักสามัคคี การสร้างสมานฉันท์ของคนในชุมชน การร่วมกันเอาชนะปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยแนวทางสันติ การสร้างพลังแห่งความดี พลังเหล่านี้ หากปรากฏมากขึ้นจะทำให้สังคม และชุมชนนั้น ๆ เป็นสังคมแห่งคุณธรรมอย่างแท้จริง
- กลุ่มกองทุน SML เป็นโครงการที่ให้มีการจัดสรรงบประมาณโดยตรง เพื่อประชาชนในหมู่บ้านและชุมชนได้นำไป แก้ปัญหาส่วนรวมเพื่อการดำรงชีวิตประจำวัน และการประกอบอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน โดยประชาชนเป็น ผู้บริหารจัดการเอง ร่วมคิด ร่วมทำ และถือเป็นอีกขั้นหนึ่งของการพัฒนาประชาธิปไตย โดยมีหลักการสำคัญ ของโครงการ คือ ให้ประชาชนมีอิสระในการดำเนินงาน ระดมความคิด สังเคราะห์ความต้องการ ตามปัญหา ของหมู่บ้านและชุมชน บริหารจัดการ ลำดับความสำคัญของโครงการ เพื่อใช้งบประมาณตามความต้องการ ของคนส่วนใหญ่ โดยให้ส่วนราชการในพื้นที่ ได้แก่ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ นายกเทศมนตรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น ทำหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษาและให้การสนับสนุนแก่ประชาชน
- กลุ่มส้มแขกแช่อิ่ม เป็นกลุ่มที่อยู่ภายใต้โครงการท่าสาปโมเดล โดยความร่วมมือของเทศบาลตำบลท่าสาปและมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาเช่นเดียวกัน ปัจจุบันมีนางซาวียะห์ มูซา เป็นประธานกลุ่ม เหตุผลที่เลือกแปรรูปส้มแขกเพราะเป็นวัตถุดิบในพื้นที่ที่มีมากพอสมควร สามารถนำมาทำประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ใส่ในแกงต่าง ๆ ที่ต้องการความเปรี้ยว และที่สำคัญ เพื่อเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลิตภัณฑ์จากส้มแขก ได้แก่ ส้มแขกแช่อิ่ม น้ำส้มแขกเข้มข้น น้ำพริกเผาส้มแขก เป็นต้น
ในรอบปีของชุมชนท่าสาปมีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น ดังต่อไปนี้
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
- มกราคม : ประเพณีตักบาตรปีใหม่ (กิจกรรมทำบุญตักบาตร เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่) ทุกวันที่ 1 มกราคม ของทุกปี ผู้คนในชุมชนจะจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรและอุทิศส่วนกุศลผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ฟังเทศน์ ปล่อยปลา ปล่อยนก อวยพรซึ่งกันและกัน หรืออาจจะส่งการ์ดบัตรอวยพร ของขวัญไหว้ผู้ใหญ่เพื่อรับพร และสรงน้ำพระพุทธรูป เป็นต้น
- มีนาคม : มหกรรมนกเขาชวาอาเซียน เป็นงานที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์เผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงนกเขาชวาและธุรกิจเกี่ยวกับนกเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสถานที่จัดงานจัดที่สนามนกเขาสวนขวัญเมือง เทศบาลนครยะลา
- เมษายน : ประเพณีสงกรานต์ (กิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่) ชุมชนเมืองทองจะมีการจัดกิจกรรมการฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้รักวัฒนธรรมประเพณีของไทยให้ยิ่งขึ้น ซึ่งประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีและมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในวันสงกรานต์จะมีกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และขอพรญาติผู้ใหญ่ในชุมชน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการสานสัมพันธ์และใช้เวลาร่วมกันระหว่างบุคคลในครอบครัวและชุมชน เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้รักวัฒนธรรม ประเพณีของไทยให้ยิ่งขึ้น
- พฤษภาคม : งานสมโภชหลักเมืองยะลา การจัดงานสมโภชหลักเมืองและงานกาชาดจังหวัดยะลา ได้จัดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2505 ต่อเนื่องทุกปี จนถึงปัจจุบัน ในระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 4 มิถุนายน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเฉลิมฉลองและสมโภชหลักเมือง อันเป็นที่เคารพสักการบูชาของประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นงานประเพณีประจำปีของจังหวัดยะลา นำรายได้จากการจัดงานไปใช้ในการทำนุบำรุงบูรณะศาลหลักเมือง และใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศลของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ของจังหวัดยะลา เป็นการเผยแพร่ และสร้างความเข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรมอันเป็นอัตลักษณ์ที่ดีงาม ที่ควรอนุรักษ์คู่กับจังหวัดยะลา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในด้านนันทนาการ และกิจกรรมอันเป็นประโยชน์อื่น ๆ ที่เกื้อกูลให้เกิดความสามัคคีสมานฉันท์ในสังคม และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงาน การพัฒนาของจังหวัดยะลา และการบริการประชาชนของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนที่มีคุณภาพ และเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน นักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยว โดยกิจกรรมที่ผ่านมา จะประกอบด้วย พิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์บนศาลหลักเมือง ขบวนแห่หลักเมืองจำลอง ขบวนแห่งานกาชาดจังหวัดยะลา (วัฒนธรรมและของดีเมืองยะลา) และกิจกรรมเปิดงานกาชาดจังหวัดยะลา สำหรับกิจกรรมตลอดระยะเวลา 11 วัน 11 คืน ประกอบด้วย การออกร้านนาวากาชาด การแสดง การออกรางวัลสลากกาชาดเพื่อการกุศล ศิลปวัฒนธรรมธรรม การประกวดธิดานิบง การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย ขวัญใจมหาชน การจัดนิทรรศการ การแสดงผลงานวิชาการของหน่วยราชการ สถานศึกษาและภาคเอกชน การแสดงมหรสพ และการแสดงของศิลปินดารานักแสดงอีกมากมาย
- ตุลาคม : ประเพณีชักพระ ถือเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนกระทำกันหลังวันออกพรรษา 1 วัน โดยการพร้อมใจกันอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนบุษบกที่วางเหนือรถ เรือหรือล้อเลื่อน แล้วแห่แหนชักลากไปตามลำน้ำหรือตามถนนหนทาง และเป็นประเพณี ที่สำคัญที่พี่น้องพุทธศาสนิกชนชาวยะลาและจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงาน และร่วมทำบุญในทุกค่ำคืนเป็นจำนวนมาก เทศบาลนครยะลาร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยะลา จึงได้กำหนดจัดงานประเพณีชักพระ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชุมนุมเรือพระจากวัดในจังหวัดยะลาและพื้นที่ใกล้เคียง ให้ประชาชน พุทธศาสนิกชน ได้ร่วมกันอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นร่วมกันแสดงออกถึงคุณธรรม ความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และวัดซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธมากยิ่งขึ้น โดยจัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ คือ ชุมนุมเรือพระ ประกวดเรือพระ พิธีสมโภชเรือพระ การประกวดขบวนแห่เรือพระ การแข่งขันตีโพน การแข่งขันแทงต้ม ซัดต้ม การแข่งขันขูดมะพร้าว นิทรรศการอาหารและขนมพื้นบ้าน การแสดงของนักเรียน การแสดงมหรสพ และการแสดงธรรมเทศนาทุกคืน
ประเพณีของชาวมุสลิม
- เดือนมูฮัรรอม : ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมไว้เริ่มน้อยลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน จึงกลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน
- เดือนเราะบีอุลเอาวัล : เมาลิดินนบี เป็นวันคล้ายวันประสูติของศาสดามูฮัมหมัด (ซล.) ศาสดาแห่งมนุษยชาติ ผู้ศรัทธาในศาสนาอิสลาม จะมีการรำลึกถึงคุณงามความดี หรือประวัติของท่านในอดีตกาล ในบรรยากาศแห่งความรัก และรำลึกถึงท่านอย่างแท้จริง ซึ่งจะจัดในเดือน เราะบีอุลเอาวัล ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ในปฏิทินอิสลาม
- เดือนซะบาน : กิจกรรมฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฏิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือน ซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการ จะมีการกินเลี้ยงร่วมรับประทานอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน
- เดือนรอมฎอน : การถือศีลอด เป็นหลักปฏิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอด ในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่าง ที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้น จนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกายวาจาใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด ซึ่งเป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า “ละหมาดตะรอเวียะห์”
- เดือนเชาวาล : วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า “วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือ ศีลอดมาตลอด ในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย “ซะกาตฟิตเราะฮ์"
- วันรายอแนหรือรายอหก : ความหมายรายอแน คือ คำว่า รายอ ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า แน คือ หก ในทางปฏิบัติ เมื่อถึงวันตรุษ อีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องไปเลย จนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอด คนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองวัน วันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน
- เดือนซุลฮิจญะฮ์ : การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับ ให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้งชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไรต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน การทำฮัจญ์จะจัดขึ้นในเดือน ซุลฮิจญะฮ์ซึ่งเป็นเดือน 12 ของอิสลาม
- วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี : เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมีการทำกุรบาน หรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ จะตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม
- การเข้าสุนัต : เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่า เป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บ้างพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ จะมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
- การละหมาด : เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิม ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ 5 เวลา
1. นางมารีเยาะ ดอปอ : เป็นผู้เชี่ยวชาญแพทย์โบราณในด้านการนวด รักษากระดูกหักโดยได้รับการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น
ทุนวัฒนธรรม ชุมชนท่าสาปเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีทั้งไทยมุสลิมและไทยพุทธอาศัยอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายทางวัฒนธรรม ชุมชนแห่งนี้มีสถานที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจสำหรับชาวไทยพุทธ คือวัด ซึ่งจะเป็นสถานที่รวมกิจกรรมของคนไทยพุทธในพื้นที่แห่งนี้
การสื่อสารในชุมชนท่าสาปใช้ภาษาไทยเป็นหลัก และรองลงมาภาษามลายู
ด้วยสภาพพื้นที่เหมาะเป็นแหล่งเพาะพันธ์เชื้อโรค เนื่องด้วยจำนวนขยะที่มีจำนวนมากทำให้เป็นที่อยู่หนูและแมลงสาบ ทางชุมชนได้ออกมาตรการรณรงค์และประสานกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลกำจัดขยะเหล่านี้ พร้อมกับทำโครงการชุมชนไร้ขยะเพื่อลดปัญหาเหล่านี้ในชุมชน
ในชุมชนมท่าสาปมีจุดน่าสนใจ ได้แก่ ตลาดนัดภูมิปัญญาสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น
กรมการปกครอง. (2565). ระบบสถิติทางการทะเบียน จำนวนประชากร. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/
กระทรวงวัฒนธรรม. (ม.ป.ป.). ปฎิทินวัฒนธรรม : ประเพณีชักพระ. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566. เข้าถึงได้จาก https://calendar.m-culture.go.th/
อัซมะห์ บูราสอ. (2558). ชุมชนโบราณท่าสาป. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566. เข้าถึงได้จาก https://www.oknation.net/
เทศบาลตำบลท่าสาป. (ม.ป.ป.). กลุ่มส้มแขกแช่อิ่ม. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566. เข้าถึงได้จาก https://thasap.go.th/
ซาวียะห์ มูซอ (ผู้ให้สัมภาษณ์), อับดุลเลาะ รือสะ (ผู้สัมภาษณ์), เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566