Advance search

ศาสนสถานที่สำคัญอย่าง วัดคูหาภิมุข หรือวัดถ้ำ ที่มีการหล่อพระพุทธไสยศาสตร์ หรือ พ่อท่านบรรทม และท่านเจ้าเขาหรือยักษ์วัดถ้ำ เป็นที่รู้จักของประชาชน มักมากราบไหว้บูชา นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดยะลาอีกแห่งหนึ่ง

หมู่ที่ 1
ชุมชนหน้าถ้ำ
หน้าถ้ำ
เมืองยะลา
ยะลา
อับดุลเลาะ รือสะ
29 เม.ย. 2023
นิรัชรา ลิลละฮ์กุล
28 พ.ค. 2023
อับดุลเลาะ รือสะ
3 มิ.ย. 2023
หน้าถ้ำ


ศาสนสถานที่สำคัญอย่าง วัดคูหาภิมุข หรือวัดถ้ำ ที่มีการหล่อพระพุทธไสยศาสตร์ หรือ พ่อท่านบรรทม และท่านเจ้าเขาหรือยักษ์วัดถ้ำ เป็นที่รู้จักของประชาชน มักมากราบไหว้บูชา นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดยะลาอีกแห่งหนึ่ง

ชุมชนหน้าถ้ำ
หมู่ที่ 1
หน้าถ้ำ
เมืองยะลา
ยะลา
95000
6.53504813981313
101.220845729112
เทศบาลเมืองหน้าถ้ำ

ชุมชนหน้าถ้ำตั้งอยู่ที่ตำบลหน้าถ้ำ เดิมเป็นกลุ่มบ้านเล็ก ๆ คนส่วนใหญ่อพยพถิ่นฐานมาจากที่อื่น และพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเจริญรุ่งเรือง สมัยศรีวิชัย มีการนำเอาศิลปวัฒนธรรมมาเผยแพร่โดยเฉพาะที่วัดคูหาภิมุข หรือวัดถ้ำ มีการหล่อพระพุทธไสยศาสตร์ หรือ พ่อท่านบรรทม และท่านเจ้าเขาหรือยักษ์วัดถ้ำ ทำให้ประชาชนรู้จัก มากราบไหว้บูชา นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดยะลาอีกแห่งหนึ่ง

ชุมชนหน้าถ้ำตั้งอยู่ทิศทางตะวันตกของที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม

อาณาเขตติดต่อ

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ หมู่ที่ 4 บ้านหน้าถ้ำเหนือ
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลท่าสาป
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ หมู่ที่ 2 บ้านบันนังลูวา
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลลิดล, ตำบลเปาะเส้ง

สภาพพื้นที่กายภาพ

ชุมชนหน้าถ้ำ มีสภาพพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มมีน้ำท่วมทุกปี มีภูเขา 2 ลูกเป็นเนินสูงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมีการขุดพบหินอ่อนและหินปูน สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่จะใช้ทำนาไม้ผลและยางพาราบางส่วน ภูเขาสำคัญ ได้แก่ ภูเขาหน้าถ้ำ แหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ แหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น ลำน้ำ ลำห้วย บึง แหล่งน้ำที่สร้างขึ้น เช่น บ่อน้ำตื่น บ่อโยก

ลักษณะภูมิอากาศชุมชนหน้าถ้ำ อยู่ในเขตมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ อากาศแบบร้อนชื้น มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เดือนกรกฎาคม ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม-เดือนมกราคม

จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2565 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรชุมชนหน้าถ้ำ จำนวน 309 หลังคาเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 627 คน แบ่งเป็นประชากรชาย 443 คน หญิง 434 คน ในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายช่วงวัย มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน ประชากรส่วนใหญ่มีทั้งนับถือศาสนาพุทธรองลงมานับถือศาสนาอิสลาม

มลายู

ด้านกลุ่มอาชีพ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น สวนยางพารา ทำสวนผลไม้ อาชีพรอง คือ รับราชการ และการรับจ้าง รายได้เฉลี่ย 81,697.34 บาท/คน/ปี โดยผู้คนในชุมชนหน้าถ้ำ มีการรวมกลุ่มที่เป็นทางการ ดังนี้

กลุ่มที่เป็นทางการ

  • กลุ่มสตรี เป็นกลุ่มองค์กรที่มีเป้าหมายให้สมาชิกในชุมชนมีรายได้ใช้หมุนเวียนในชุมชนโดยการจัดทำขนมเพื่อนำไปขายต่อเป็นรายได้แก่สมาชิกในชุมชนสร้างความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจระดับรากหญ้า

  • กลุ่มกองทุนแม่ของแผ่นดิน กองทุนแม่ของแผ่นดิน เป็นเจตนารมณ์สูงสุดที่มุ่งหวังให้เป็นศูนย์รวมของคนในชุมชนที่จะร่วมกันประกอบกรรมดี เป็นการน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในงานพัฒนาทั้งมวลที่มุ่งเน้นให้พสกนิกรมีอาชีพสร้างรายได้ ส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงฟื้นฟูวัฒนธรรม สร้างภูมิปัญญาท้องถิ่นปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติ พึ่งพาความเข้มแข็งของตนเอง ขจัดยาเสพติดบนพื้นฐานของการให้อภัยทางสังคม ความรู้รักสามัคคี การสร้างสมานฉันท์ของคนในชุมชน การร่วมกันเอาชนะปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยแนวทางสันติ การสร้างพลังแห่งความดี พลังเหล่านี้ หากปรากฏมากขึ้นจะทำให้สังคม และชุมชนนั้น ๆ เป็นสังคมแห่งคุณธรรมอย่างแท้จริง
  • กลุ่มกองทุน SML เป็นโครงการที่ให้มีการจัดสรรงบประมาณโดยตรง เพื่อประชาชนในหมู่บ้านและชุมชนได้นำไป แก้ปัญหาส่วนรวมเพื่อการดำรงชีวิตประจำวัน และการประกอบอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน โดยประชาชนเป็น ผู้บริหารจัดการเอง ร่วมคิด ร่วมทำ และถือเป็นอีกขั้นหนึ่งของการพัฒนาประชาธิปไตย โดยมีหลักการสำคัญ ของโครงการ คือ ให้ประชาชนมีอิสระในการดำเนินงาน ระดมความคิด สังเคราะห์ความต้องการ ตามปัญหา ของหมู่บ้านและชุมชน บริหารจัดการ ลำดับความสำคัญของโครงการ เพื่อใช้งบประมาณตามความต้องการ ของคนส่วนใหญ่ โดยให้ส่วนราชการในพื้นที่ ได้แก่ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ นายกเทศมนตรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น ทำหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษาและให้การสนับสนุนแก่ประชาชน

  • กลุ่มผ้ามัดย้อมสีมายา ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา เป็นการสร้างลวดลายมัดย้อมเป็นเอกลักษณ์ วิธีการมัดผ้าจะเอาผ้านำไปแช่ใว้ใน น้ำดินมายา ที่ได้มาจากการสกัดดินพิเศษจากถ้ำในตำบลหน้าถ้ำ จังหวัดยะลา หน้าถ้ำ เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดยะลา ดินจากถ้ำนี้มีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีสีที่สวยชัด หากสัมผัสแล้วจะลบออกยาก สำหรับการย้อมสี คือ สีเทาที่ได้มาจากฝักของต้นราชพฤกษ์ ราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ท้องถิ่นที่มีอยู่มากบริเวณหน้าถ้ำ ใบของต้นหูกวางเป็นพันธ์ุไม้ย้อมสีธรรมชาติที่เมื่อนำมาต้มและเจือจางด้วยน้ำจะสามารถให้สีเหลืองสวยแปลกตา กลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อม สีมายา เป็นหนึ่งในโครงการที่เราให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจเล็ก ๆ ที่สร้างรายได้ให้ชุมชนชาวไทยพุทธ-มุสลิม เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของชาว

ในรอบปีของชุมชมหน้าถ้ำมีวิธีชีวิตทางวัฒนธรรมและวิธีชีวิตทางเศรษฐกิจที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้

วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม

  • มีนาคม : มหกรรมนกเขาชวาอาเซียน เป็นงานที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์เผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงนกเขาชวาและธุรกิจเกี่ยวกับนกเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสถานที่จัดงานจัดที่สนามนกเขาสวนขวัญเมือง เทศบาลนครยะลา

  • เมษายน : ประเพณีสงกรานต์ (กิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ชุมชนเมืองทองจะมีการจัดกิจกรรมการฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้รักวัฒนธรรมประเพณีของไทยให้ยิ่งขึ้น ซึ่งประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีและมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในวันสงกรานต์จะมีกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และขอพรญาติผู้ใหญ่ในชุมชน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการสานสัมพันธ์และใช้เวลาร่วมกันระหว่างบุคคลในครอบครัวและชุมชน เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้รักวัฒนธรรม ประเพณีของไทยให้ยิ่งขึ้น

  • พฤษภาคม : งานสมโภชหลักเมืองยะลา การจัดงานสมโภชหลักเมืองและงานกาชาดจังหวัดยะลา ได้จัดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2505 ต่อเนื่องทุกปี จนถึงปัจจุบัน ในระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม จนถึงวันที่ มิถุนายน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเฉลิมฉลองและสมโภชหลักเมือง อันเป็นที่เคารพสักการบูชาของประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นงานประเพณีประจำปีของจังหวัดยะลา นำรายได้จากการจัดงานไปใช้ในการทำนุบำรุงบูรณะศาลหลักเมือง และใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศลของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ของจังหวัดยะลา เป็นการเผยแพร่ และสร้างความเข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรมอันเป็นอัตลักษณ์ที่ดีงาม ที่ควรอนุรักษ์คู่กับจังหวัดยะลา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในด้านนันทนาการ และกิจกรรมอันเป็นประโยชน์อื่น ๆ ที่เกื้อกูลให้เกิดความสามัคคีสมานฉันท์ในสังคม และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงาน การพัฒนาของจังหวัดยะลา และการบริการประชาชนของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนที่มีคุณภาพ และเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน นักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยว โดยกิจกรรมที่ผ่านมา จะประกอบด้วย พิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์บนศาลหลักเมือง ขบวนแห่หลักเมืองจำลอง ขบวนแห่งานกาชาดจังหวัดยะลา (วัฒนธรรมและของดีเมืองยะลา) และกิจกรรมเปิดงานกาชาดจังหวัดยะลา สำหรับกิจกรรมตลอดระยะเวลา 11 วัน 11 คืน ประกอบด้วย การออกร้านนาวากาชาด การแสดง การออกรางวัลสลากกาชาดเพื่อการกุศล ศิลปวัฒนธรรมธรรม การประกวดธิดานิบง การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งไทย ขวัญใจมหาชน การจัดนิทรรศการ การแสดงผลงานวิชาการของหน่วยราชการ สถานศึกษาและภาคเอกชน การแสดงมหรสพ และการแสดงของศิลปินดารานักแสดงอีกมากมาย

  • ตุลาคม : ประเพณีชักพระ ถือเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนกระทำกันหลังวันออกพรรษา วัน โดยการพร้อมใจกันอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนบุษบกที่วางเหนือรถ เรือหรือล้อเลื่อน แล้วแห่แหนชักลากไปตามลำน้ำหรือตามถนนหนทาง และเป็นประเพณี ที่สำคัญที่พี่น้องพุทธศาสนิกชนชาวยะลาและจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงาน และร่วมทำบุญในทุกค่ำคืนเป็นจำนวนมาก เทศบาลนครยะลาร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยะลา จึงได้กำหนดจัดงานประเพณีชักพระ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชุมนุมเรือพระจากวัดในจังหวัดยะลาและพื้นที่ใกล้เคียง ให้ประชาชน พุทธศาสนิกชน ได้ร่วมกันอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นร่วมกันแสดงออกถึงคุณธรรม ความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และวัดซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธมากยิ่งขึ้น โดยจัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ คือ ชุมนุมเรือพระ ประกวดเรือพระ พิธีสมโภชเรือพระ การประกวดขบวนแห่เรือพระ การแข่งขันตีโพน การแข่งขันแทงต้ม ซัดต้ม การแข่งขันขูดมะพร้าว นิทรรศการอาหารและขนมพื้นบ้าน การแสดงของนักเรียน การแสดงมหรสพ และการแสดงธรรมเทศนาทุกคืน

ประเพณีของชาวมุสลิม

  • เดือนมูฮัรรอม : ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดา นบีนูฮ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานบีนูฮ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่เตรียมไว้เริ่มน้อยลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลือเอามารวมกันแล้วกวนกิน จึงกลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ คำว่า "อาซูรอ" คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวและของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน ประเพณีจะจัดในวันที่ 10 ของเดือนมูฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของมุสลิม ลักษณะกิจกรรมจะมีการรวมตัวของชาวบ้านโดยที่ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่าตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะถูกกวนในกระทะเหล็กใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอด จนกระทั่งสุกแห้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยมีการแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่ชาวบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสัมพันธ์และสามัคคีของคนในชุมชน
  • เดือนเราะบีอุลเอาวัล : เมาลิดินนบี เป็นวันคล้ายวันประสูติของศาสดามูฮัมหมัด (ซล.) ศาสดาแห่งมนุษยชาติ ผู้ศรัทธาในศาสนาอิสลาม จะมีการรำลึกถึงคุณงามความดี หรือประวัติของท่านในอดีตกาล ในบรรยากาศแห่งความรัก และรำลึกถึงท่านอย่างแท้จริง ซึ่งจะจัดในเดือน เราะบีอุลเอาวัล ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ในปฏิทินอิสลาม 
  • เดือนซะบาน : กิจกรรมฟื้นฟูค่ำคืนนิสฟูซะห์บาน ค่ำคืนนิสฟูซะห์บานจะตรงตามปฏิทินอิสลาม วันที่ 14 เดือน ซะบาน โดยมีลักษณะกิจกรรม คือ มีการละหมาดฟัรดู อ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ยาซีน 3 จบ ซึ่งแต่ละจบจะมีดุอาร์ ขอพรจากอัลลอฮ์ เมื่อเสร็จพิธีการ จะมีการกินเลี้ยงร่วมรับประทานอาหาร และอาหารบางส่วนจะนำแจกจ่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน

  • เดือนรอมฎอน : การถือศีลอด เป็นหลักปฏิบัติที่มุสลิมจำเป็นต้องถือศีลอด ในเดือนรอมฎอน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน มุสลิมที่มีอายุเข้าเกณฑ์ศาสนบัญญัติจะต้องงด การกิน ดื่ม การร่วมประเวณีตลอดจนทุกอย่าง ที่เป็นสิ่งต้องห้าม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้น จนกระทั่งตกดิน ทุกคนต้องสำรวมกายวาจาใจ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีประเสริฐยิ่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งในเดือนนี้ ชาวมุสลิมจะไปละหมาดที่มัสยิด ซึ่งเป็นการละหมาดที่ปฏิบัติภายในเดือนรอมฎอนเท่านั้น เรียกว่า ละหมาดตะรอเวียะห์

  • เดือนเชาวาล : วันตรุษอิดิลฟิตรี หรือที่นิยมเรียกว่า วันรายอปอซอ” เพราะหลังจากที่มุสลิมได้ถือ ศีลอดมาตลอด ในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนที่ 9 ของศาสนาอิสลาม ก็จะถึงวันออกบวช ตอนเช้าจะมีการละหมาดร่วมกัน ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด สวยงาม และมีการจ่าย ซะกาตฟิตเราะฮ์"
  • วันรายอแนหรือรายอหก : ความหมายรายอแน คือ คำว่า รายอ ในภาษามลายูแปลว่า ความรื่นเริง และ คำว่า แน คือ หก ในทางปฏิบัติ เมื่อถึงวันตรุษ อีฎี้ลฟิตรี จะเฉลิมฉลองวันอีดใหญ่และวันต่อมาชาวบ้านมักจะถือศีลอด 6 วัน ในเดือนเชาวาลต่อเนื่องไปเลย จนครบ 6 วัน เมื่อเสร็จสิ้นการถือศีลอด คนในพื้นที่จะถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองวัน วันรายอแน โดยจะเดินทางไปทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับที่กุโบร์หรือสุสาน

  • เดือนซุลฮิจญะฮ์ : การทำฮัจญ์ อัลลอฮ์ทรงบังคับ ให้มุสลิมที่มีความสามารถด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ ต้องไปทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีขึ้นปีละครั้งชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางมารวมกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีฐานะทางสังคมอย่างไรต้องมาอยู่ที่เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนมีฐานะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์อย่างเท่าเทียมกัน การทำฮัจญ์จะจัดขึ้นในเดือน ซุลฮิจญะฮ์ซึ่งเป็นเดือน 12 ของอิสลาม

  • วันตรุษอิดิลอัฏฮา หรือวันรายอฮัจยี : เนื่องจากมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพีธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมีการทำกุรบาน หรือการเชือดสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านและคนยากจน เพื่อขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ จะตรงกับเดือน ซุลฮิจยะห์ ซึ่งเป็นเดือนที่ 12 ในปฏิทินของศาสนาอิสลาม

  • การเข้าสุนัต : เป็นพิธีกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม ถือกันว่ามุสลิมที่แท้จริงควรเข้าสุนัต ถ้าไม่ทำถือว่า เป็นมุสลิมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่บริสุทธิ์ การเข้าสุนัต คือการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศของผู้ชายออก เพื่อสะดวกในการรักษาความสะอาด การเข้าสุนัตจะนิยมขลิบในช่วงเดือนเมษายนเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคการเรียนการสอนของเด็กในพื้นที่ กิจกรรมจะมีการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ และมีการเตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวสีต่าง ๆ บ้างพื้นที่จะมีการขลิบเป็นหมู่คณะ จะมีเด็กในชุมชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

  • การละหมาด : เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวมุสลิม ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าเป็นการเข้าเฝ้าผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ การแต่งกายต้องสะอาด เรียบร้อย มีความสำรวม พระองค์กำหนดเวลาละหมาดไว้วันละ เวลา

1. ชัชพงศ์ เพชรกล้า  หัวหน้าวัฒนธรรมชุมชนหน้าถ้ำ

ทุนวัฒนธรรม พื้นที่ชุมชนวัดหน้าถ้ำมีสถานที่สำคัญสำหรับคนไทยพุทธในพื้นที่ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจสำหรับคนในพื้นที่และเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในภาคใต้ คือ วัดหน้าถ้ำหรือวัดคูหาภิมุข ตั้งอยู่ที่ ตำบลหน้าถ้ำอำเภอเมืองยะลา เป็นวัดที่สำคัญและเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดยะลา เดิมวัดนี้ชื่อ วัดหน้าถ้ำ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดคูหาภิมุข ในสมัยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ภายในวัดมีถ้ำใหญ่ ประดิษฐาน พระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ พระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ นอกจากนี้ยังมีหินงอกหินย้อยสวยงาม และน้ำใสสะอาดไหลรินจากโขดหิน มีพิพิธภัณฑ์ศรีวิชัย เก็บวัตถุโบราณที่ได้มาจาก วัดถ้ำ ภูเขากำปั่น พระพิมพ์ดินดิบ สถูปเม็ดพระศก อิฐฐานพระพุทธรูป

ทุนเศรษฐกิจ ชุมชนหน้าถ้ำเป็นอีกชุมชนที่มีทุนทางเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนสินค้าที่ได้รับความนิยมที่มาจากชุมชนหน้าถ้ำ คือ ไข่เข็มดินมายา เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านโดยการนำไข่มาคลุกเคล้ากับดินมายาที่ผสมกับเกลือและขี้เถ้า หมักเก็บไว้เจ็ดวัน จนได้ไข่เค็มที่รสชาติกลมกล่อมเหมาะเป็นของฝากที่มีเฉพาะที่ตำบลหน้าถ้ำเท่านั้น

การสื่อสารในชุมชนหน้าถ้ำใช้ภาษาไทยเป็นหลัก 


พื้นที่บริเวณหน้าถ้ำมีบึ้งขนาดใหญ่เมื่อฤดูฝนน้ำในบึงมีปริมาณสูงขึ้นทำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณชุมชนหน้าถ้ำ ได้แก่ร้านค้า อาคารและบ้านเรือน ด้วยเหตุนี้ทางชุมชนมีมาตรการในการเฝ้าระวังแก่ประชาชนในพื้นที่

ในชุมชนหน้าถ้ำ มีจุดน่าสนใจ ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยวบันนังลูวา

กรมการปกครอง. (2565). ระบบสถิติทางการทะเบียน จำนวนประชากร. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/

กรมพัฒนาชุมชน. (ม.ป.ป.). ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านหน้าถ้ำ. วารสารทัวร์วิถีหมู่บ้านหน้าถ้ำ. เข้าถึงได้จาก https://yala.cdd.go.th/

กระทรวงวัฒนธรรม. (ม.ป.ป.). ปฎิทินวัฒนธรรม ประเพณีชักพระ. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566. เข้าถึงได้จาก https://calendar.m-culture.go.th/

กองทุนแม่ของแผ่นดิน. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566. เข้าถึงได้จาก https://district.cdd.go.th/

อลิษา ดาโอ๊ะ. (ม.ป.ป. ผลิตภัณฑ์สีมายาชุมชนหน้าถ้ำจากความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติสู่ภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างมั่นคงและยั่งยืน. วันที่ 22 เมษายน 2566 เข้าถึงได้ จาก https://www.paaktai.com/